tag:blogger.com,1999:blog-56167420733599289092024-03-19T19:50:46.186+07:00บล็อกชุมทางแพะบล็อกของคนที่มีใจรักแพะAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.comBlogger25125tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-698507543138103842009-09-02T23:20:00.048+07:002009-09-15T20:15:41.224+07:00OTOP การตลาดราคาประหยัด (2)<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgFEg2bz5U2yNk2Jp8kEDUvn2PNOITNWp7nuV7zng7P7Dugp4F8ZT8GWMEGO7fEAKVenroSAvFem-dTqVcfbs4_WqKlJaiZy8FZCvy2lHZQCnlz5IBA5-NrEtrq3TtX1bS1uLZIRvv15mk/s1600-h/DSC03328.JPG"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 134px; height: 200px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgFEg2bz5U2yNk2Jp8kEDUvn2PNOITNWp7nuV7zng7P7Dugp4F8ZT8GWMEGO7fEAKVenroSAvFem-dTqVcfbs4_WqKlJaiZy8FZCvy2lHZQCnlz5IBA5-NrEtrq3TtX1bS1uLZIRvv15mk/s200/DSC03328.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5376916290084762130" /></a><br /><strong>"OTOP"</strong> อ่านว่า<strong> "โอ ท๊อบ"</strong> ดีหรือว่า <strong>"โอ ท็อบ"</strong> ดีกว่า หรือจะอ่านว่า <strong>"โอ ตบ"</strong> ดีที่สุดล่ะ แต่คงไม่มีใครอ่านว่า <strong>"อด อบ"</strong> กระมังน่ะ<br /><br />อ้อ... มีคนแซวมา ต้องอ่านว่า <strong>"๑ ที ๑ พี"</strong> สิถึงจะถูกต้องตามความหมายเดิม...อันนี้ ไม่ขอวิจารณ์ซ้ำก็แล้วกัน<br /><br /><span id="fullpost"><br />หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือว่าหนึ่งจังหวัดมีผลิตภัณฑ์อยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ก็ยังไม่อาจจะกล้าสรุปได้ เพราะว่างานนี้เขาจัดกันมาหลายปีแล้ว หนำซ้ำบางปีท่านดันเอาไปจัดอยู่ในสนามฟูตบอล ท่ามกลางแหล่งรถติด มลพิษสูงสุด ไปมาลำบาก ซื้อของแล้วขนกลับบ้านไม่ได้ คนขายขายก็ร้อนสุดๆ คนซื้อก็เบื่อเหลือทน ที่เล่ามาทั้งหมดล้วนจบไปแล้ว ฉนั้น โปรดอย่าได้นำมาเป็นนิยายให้เมื่อยตุ้ม<br /><br />สรุปว่างาน OTOP เป็นงานที่ทางการจัดขึ้นเพื่อใช้งบประมาณแผ่นดินให้หมดไป โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดการหมุนเงินจนเวียนหัวไปทุกแห่งทุกหนทุกตำบลกระสุนตก และสุดท้ายก็พอจะสร้างรายได้บ้างให้กับเกษตรกรและชาวรากหญ้า ผู้ซึ่งมีโอกาสน้อยมากในทางการตลาดที่จะนำเสนอสินค้าและผลงานแห่งความสามารถของตนสู่สากลโลกหรือตลาดโลก และถ้ามีผู้ใดสงสัยว่าตลาดโลกอยู่ ณ ที่ใด นั่งรถเมล์สายไหนไป หรือรถไฟฟรีไปลงสถานีอะไร ขับรถไปเองได้หรือเปล่า อันนี้ขอยกยอดไปตอบกาละครั้งถัดไปก็แล้วกัน<br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh26pIfUPYN040RSGk9qo6uazID3_mLSoLDPwXS12HLWlxfnR1KBujuBlRKNcFfrqBe-WSZysUjhX9RB1CEcXuvDb-BnIyv9q93HuWFQLmARcxfh77WUqpc53W7Mgv8z9-Qb3n1z6C_p9E/s1600-h/DSC03314.JPG"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 134px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh26pIfUPYN040RSGk9qo6uazID3_mLSoLDPwXS12HLWlxfnR1KBujuBlRKNcFfrqBe-WSZysUjhX9RB1CEcXuvDb-BnIyv9q93HuWFQLmARcxfh77WUqpc53W7Mgv8z9-Qb3n1z6C_p9E/s200/DSC03314.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5376915864749426050" /></a><br />งาน OTOP เป็นงานที่น่าสนใจมากสำหรับนักการตลาดหน้าใหม่ เป็นงานการตลาดที่ลงทุนไม่มากนักสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์ ที่จะแนะนำสินค้าของตนให้ปรากฎแก่สายตาผู้คนจำนวนนับร้อย นับพัน นับหมื่น หรืออาจจะนับแสนคู่ก็เป็นได้ แล้วแต่การนำเสนอของเราว่าจะเรียกความสนใจจากผู้คนได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการคนจะทำให้คนเป็นร้อย เป็นพันรู้จักสินค้าเราได้ก็ต้องลงทุนในการประชาสัมพันธ์พอสมควร เช่น การลงทุนพิมพ์แผ่นพับหรือใบปลิวไปแจกตามงานแพะต่างๆ หรือซื้อโฆษณาในหน้าหนังสือต่างๆ เป็นต้น<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh-Ptdq9oDXG4Jc0fyx2VMz0StLhJ3d8pul__7epjhJkG5JgW12z_bZcnqBWtoH1z3ckBAesRvQPcj31IoMSyijNn88-9CgBWpBx8IYMHC08tJaZAG5CqlvjX-NySBMl25dpCurlwYqiXY/s1600-h/DSC03310.JPG"><img style="cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 134px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh-Ptdq9oDXG4Jc0fyx2VMz0StLhJ3d8pul__7epjhJkG5JgW12z_bZcnqBWtoH1z3ckBAesRvQPcj31IoMSyijNn88-9CgBWpBx8IYMHC08tJaZAG5CqlvjX-NySBMl25dpCurlwYqiXY/s200/DSC03310.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5380961476958320658" /></a><br />กลับเข้าสู่โหมดแห่งการทัวร์อย่างเร่งรีบกันต่อดีกว่า ตอนนี้ขอนำพาท่านได้ยังภาคกลาง เริ่มจากจังหวัดใกล้เคียงกรุงเทพฯ ก่อนเพราะกรุงเทพฯ ตระเวนดูแล้วไม่ยักกะเจอแพะเลย แปลกมากๆ<br />เริ่มจากจังหวัดนนทบุรีก็แล้วกันเพราะถิ่นนี้มีการส่งเสริมการเลี้ยงแพะอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ตะลอนๆ มาเรื่อยๆ พบเข้าจนได้ มีอยู่หนึ่งบู๊ต แวะเข้าไปหวังทักทายด้วยก็ไม่มีโอกาสเพราะเจ้าของบู๊ตติดคิวกับผู้อื่นที่ไปเก็บข้อมูลอยู่เช่นกันและดูท่าทางแล้วทำท่าจะยาวก็ขอเลยไปที่อื่นต่อก็แล้วกัน ถ้ามีเวลาเหลือแล้วจะกลับมาใหม่<br /><br /><br /><br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-53896147528573193402009-09-01T21:34:00.026+07:002009-09-02T23:13:18.540+07:00OTOP การตลาดราคาประหยัด<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiVW4wuUNoCaSFkSvTHiRFiz9d_wUg1tpiOneSsQcuHtvHofWMscRIwmYozSS5s2Rq_Nt5U7_2ZiO5BrpcctFO3vnDrOFRdEtahO1kmkPtADJ6wlvCaTFRB86zNGod2EIpRcExQSGEXChU/s1600-h/DSC03332.JPG"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5376511184494715922" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 200px; CURSOR: hand; HEIGHT: 134px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiVW4wuUNoCaSFkSvTHiRFiz9d_wUg1tpiOneSsQcuHtvHofWMscRIwmYozSS5s2Rq_Nt5U7_2ZiO5BrpcctFO3vnDrOFRdEtahO1kmkPtADJ6wlvCaTFRB86zNGod2EIpRcExQSGEXChU/s200/DSC03332.JPG" border="0" /></a><br /><span style="font-size:100%;"><strong><span style="font-size:130%;">การตลาด</span></strong> นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการทำธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะอย่ายิ่งสำหรับหน้าใหม่หรือมือใหม่แล้ว ต้องครุ่นคิดอยู่หลายตลบเหมือนกัน </span><span id="fullpost"><br /><br />จะทำอะไรขายดี จะขายราคาเท่าไร ถึงจะโดนใจคนซื้อ และจะเอาสินค้าไปขายที่ไหน แล้วจะทำการส่งเสริมการขายอย่างไร ยิ่งถ้าในระดับรากหญ้าด้วยแล้ว โอกาสทางการตลาดยิ่งมีน้อยเป็นเงาตามตัวไปด้วย<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgf-g63-Q1tBsiP6G2Hs64A9KXDIjt2lScNpRP7RLlDVQ6P-n94fusdBXKx6PDh6klLeEfbqaY1p1gUCg8CQXb_47FAbSJS8rfDczc_qMdLdtefPGd2DNqeK4kwFT_4GQRQOupoRSrykro/s1600-h/DSC03267.JPG"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 134px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgf-g63-Q1tBsiP6G2Hs64A9KXDIjt2lScNpRP7RLlDVQ6P-n94fusdBXKx6PDh6klLeEfbqaY1p1gUCg8CQXb_47FAbSJS8rfDczc_qMdLdtefPGd2DNqeK4kwFT_4GQRQOupoRSrykro/s200/DSC03267.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5376887066152942466" /></a><br />วันนี้เป็นวันสุดท้ายของงาน OTOP midyear 2009 ที่เมืองทองธานี และเป็นวันศุกร์สิ้นเดือนเสียด้วย กว่าจะฟันฝ่าผ่านด่านการจราจรอันคับคั่งเข้าไปในงานได้ก็ใช้เวลาหมดไปมากโขเหมือนกัน โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีเวลาอันจำกัด<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi7jLKXuDOiV6-HkCohc8S3DCqH_mZYyeucgRnm3gdVtBz9abdPrmLz0GRg-8a8spLuvIlZA5ZEPr5qwlVkIPmGg6lSLSLWD8GU1rQ9ZEr0F1znxclnNwN4VIEOD8msQioqcBcgcwLuOyQ/s1600-h/DSC03270_2.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 134px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi7jLKXuDOiV6-HkCohc8S3DCqH_mZYyeucgRnm3gdVtBz9abdPrmLz0GRg-8a8spLuvIlZA5ZEPr5qwlVkIPmGg6lSLSLWD8GU1rQ9ZEr0F1znxclnNwN4VIEOD8msQioqcBcgcwLuOyQ/s200/DSC03270_2.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5376887780166008946" /></a><br />เดินผ่านประตูเข้าไปก็พบว่าบนเวทีใหญ่มีผู้คนเยอะแยะจึงแวะเข้าไปดูกับเขาบ้าง อ๋อ รมต. ท่านกำลังกล่าวปิดงานนะเอง ไม่ได้การแล้วซิ จังซี่ มันต้องถอน ว่าแล้วก็รีบจ้ำอ้าวเป็นการใหญ่ ก่อนที่จะเป็นการไปดูเขาเก็บร้านกัน เอายังไงดีล่ะทีนี้ เอาเป็นว่าเรามาสำรวจตรวจตราสินค้าที่เป็น <strong>ผลิตภัณฑ์จากน้ำนมแพะ</strong> เป็นหลักก็แล้วกัน<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh0O6cuQ5ftS1B3LGZCAN0j1FIDI0ysISpYnR2gAGV8kkWIl8PjYY8_dk1tD3p00-SpDXDenr9LGg_WUsMG1fwYqVPdU8aitDBfoXSWMYsRD72Knt_US0pfPdjGVXbXVtySoLxSvaUh90o/s1600-h/DSC03257_2.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 146px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh0O6cuQ5ftS1B3LGZCAN0j1FIDI0ysISpYnR2gAGV8kkWIl8PjYY8_dk1tD3p00-SpDXDenr9LGg_WUsMG1fwYqVPdU8aitDBfoXSWMYsRD72Knt_US0pfPdjGVXbXVtySoLxSvaUh90o/s200/DSC03257_2.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5376893893822709586" /></a><br /><strong><em>ภาคใต้</em></strong><br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhYvGvhfsivINppBG1RSC-d8U-EGZVOktqFzItA9MTYsAMzXnNWksbXHVcOdosdygyHRxejJY-o2QCUgxXIiZtxAkstQvAxIoudrHA8ANLJv7zdicDpk-67kMwb5r70oNVSILB2ig_z_0U/s1600-h/DSC03306_2.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 134px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhYvGvhfsivINppBG1RSC-d8U-EGZVOktqFzItA9MTYsAMzXnNWksbXHVcOdosdygyHRxejJY-o2QCUgxXIiZtxAkstQvAxIoudrHA8ANLJv7zdicDpk-67kMwb5r70oNVSILB2ig_z_0U/s200/DSC03306_2.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5376894849172340562" /></a><br />หลบฉากจากเวทีใหญ่ก็มุ่งไปสู่ภาคใต้อย่างรีบด่วน เพราะอย่างไรเสียก็ต้องมีผลิตภัณฑ์จากน้ำนมแพะแน่นอน เพราะ <strong>มร.แพะ จาก สสว.</strong> เคยบอกไว้ว่า แพะภาคใต้มาร่วมด้วยทุกงานแน่นอน และแล้วก็แจวมาจอดที่ป้าย จ.ปัตตานี แต่เจ้าของบู๊ท (Boot)ไม่อยู่ จึงรีบเดินทางไปยังภาคอีสาน และภาคเหนือ ด้วยวิธีการสุ่มสำรวจว่าจังใดควรจะมีสินค้าจากน้ำนมแพะบ้าง แต่ก็ไม่พบ จึงวกกลับสู่กรุงเทพฯ หลังจากสำรวจร้านค้าต่างๆ จนเป็นที่พอใจแล้วก็แจวต่อ เป้าหมายคือ จ.ปัตตานี ที่เดิม และได้พบกับคุณเวโซะ ไม่แน่ใจว่าออกเสียง <strong>แวโซะ</strong> หรือ <strong>เวโซะ</strong> ฟังไม่ชัด จึงถามกลับไปว่า ชื่อนี้แปลว่าอะไรหรือครับ ก็ได้รับคำตอบว่า "เป็นชื่อของภรรยาพระนาบีอีกคนหนึ่ง" สำหรับงานนี้ได้ขนสินค้ามามากพอสมควร มีทั้งสบู่สูตรต่างๆ และโลชั่น บางรายการไม่มีเหลือของให้ขนกลับ ได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน "OTOP" ทุกครั้ง <br /><br /><strong>การตลาด </strong>ในปัจจุบันมีทั้งการออกร้านค้าตามงานต่างๆ และขายส่งทางพัสดุภัณฑ์ไปรษณีย์ ถ้าสั่งซีอครั้งละมากๆ ก็จะได้รับส่วนลดที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน<br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-42797406474667263982007-10-08T11:44:00.001+07:002008-12-11T20:12:59.329+07:00การเลี้ยงแพะ "ง่าย "จริงหรือ ?<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjcTeTVkIz1woacT-6pfDMMF2o_nHIKlDI4shOLqZJk-2bRRWKiVIswWBUjyhiiGGk936Fe9XWWDwryZaU0GB6HhB9KW9Gwp3j3Eg74UJcm4H4CpPIEMbpyj0AR9QMez9Q4VkEfb2LltPE/s1600-h/00296_26.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjcTeTVkIz1woacT-6pfDMMF2o_nHIKlDI4shOLqZJk-2bRRWKiVIswWBUjyhiiGGk936Fe9XWWDwryZaU0GB6HhB9KW9Gwp3j3Eg74UJcm4H4CpPIEMbpyj0AR9QMez9Q4VkEfb2LltPE/s200/00296_26.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5118816974361255858" /></a><br /><strong>"แพะเลี้ยงง่ายจะตาย" หรือ "แพะเลี้ยงง่ายนิดเดียว" หรือ "เลี้ยงแพะไปเถอะไม่มีอะไรหรอก"</strong> กว่าจะเข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำพูดเหล่านี้ ก็ได้ตัดสินใจเลิกกิจการไปแล้ว จึงได้เข้าใจคำว่า <strong>"เลี้ยงแพะไปเถอะไม่มีอะไรจริงๆ"</strong><br /><br /><span id="fullpost"><br />หรือบางท่านก็เกือบจะเลิกกิจการไปแล้ว เพราะได้ประกาศขายแพะยกฟาร์มไปแล้ว แต่เผอิญไม่มีผู้ซื้อ จำต้องกัดฟันสู้ต่อ จึงอยู่ได้ตราบเท่าวันนี้<br /><br /><strong>"แพะเลี้ยงง่ายจะตาย"</strong> เป็นสำนวนของเจ้าของไร่คุณสุข & คุณสุขฟาร์ม เมื่อครั้งเตรียมการจัดชุมทางแพะสัญจรครั้งที่ 3 ทำให้ได้เข้าใจว่าความหมายที่แท้จริงคืออะไร หลายท่านอาจจะสงสัยว่าแล้วหมายความว่าอะไรหรือท่าน เจ้าของไร่ตอบสั้นๆ ง่ายๆ ว่า <strong>"ก็หมายความตามนั้น"</strong> แล้วก็หัวเราะ ไม่ทราบว่าท่านผู้อ่านเข้าใจว่าอย่างไร ส่วนผมเข้าใจว่า <strong>"เลี้ยงแพะง่าย = จะตาย"</strong><br />แล้วก็ทำให้ย้อนนึกถึงคำพูดของลุงซ้ง จ.นครปฐม เมื่อครั้งได้ไปเยี่ยมชมฟาร์มว่า <strong>"ผมเลี้ยงแพะเหมือนลูกเหมือนหลาน ทั้งห่มผ้า ทั้งป้อนนม ยิ่งถ้าเป็นแฝดสามละก้อ ไม่ต้องหลับ ไม่ต้องนอนกันเลย"</strong> แสดงว่าต้องรักและเอาใจใส่แพะจริงๆ<br /><br />ก่อนตัดสินใจเลี้ยงแพะเป็นอาชีพ ควรศึกษาข้อมูลเรื่องแพะ ให้เพียงพอก่อน <strong>ศึกษาให้รู้ก่อนเลี้ยง</strong>เปรียบกับการเตรียมตัวแต่งงานได้เลย ต้องรู้เขารู้เรา รู้ว่าเขามีพฤติกรรมอย่างไร และจะรับมือกับเขาอย่างไร ส่วนรู้เรา ต้องรู้ว่าเราชอบเลี้ยงสัตว์จริงหรือเปล่า หรือว่าเห็นว่าน่ารักจึงเลี้ยงพอเบื่อก็ปล่อยทิ้ง <strong>เรารู้ทันแพะหรือไม่ เรารู้ทันโรคแพะหรือเปล่า เตรียมหาวิธีรับมือกับปัญหาต่างๆ ไว้แล้วหรือยัง </strong>แล้วปัญหาคืออะไร? หลายท่านอาจจะพบและตอบได้แตกต่างกันไปเช่นตัวอย่างที่ได้มาจาก ดร.วีรพล สุวรรณนันต์<br /><br />ท่านที่1 "ปัญหา คืออุปสรรค"<br />ท่านที่2 "ปัญหา คือข้อขัดข้อง"<br />ท่านที่3 "ปัญหา คือข้อที่จะต้องแก้ไข"<br />ท่านที่4 "ปัญหา คือสิ่งที่แก้ไขไม่ได้"<br />ท่านที่5 "ปัญหา คือคำถาม"<br />ท่านที่6 "ปัญหา คือส่งที่ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร"<br />ท่านที่7 "ปัญหา คือสิ่งที่ไม่รู้คำตอบ"<br />ท่านที่8 "ปัญหา คือสิ่งที่เราไม่รู้"<br />ท่านที่9 "ปัญหา คือสิ่งที่ไม่ตรงกับสิ่งที่เราคาดหวัง"<br />และอื่นๆ อีกมากมาย จะเห็นว่า แค่คำว่า ปัญหา ยังจำกัดความได้แตกต่างกันไป แล้วจะแก้ปัญหาได้ด้วยวิธีอย่างไร<br /><br />ปัญหาที่มือใหม่พบเสมอๆ ได้แก่การคัดเลือกซื้อแพะมาเลี้ยง คือมีปัญหาตั้งแต่เริ่มเลยว่างั้นเถอะ ขอแนะนำว่า อย่าได้ซื้อแพะที่เจ้าของเดิมคัดทิ้งมาเลี้ยง เพราะมีผลเสียมากกว่าผลดี <strong>จะทำให้เกิดความรู้สึกผิดหวังและท้อถอย </strong>และหลายๆ ท่านได้ถอดใจมาแล้ว เพราะแก้ปัญหาไม่ตก<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiRffghw990TJI-9WhAX4uM1N5KmmUoIdZZo0HcQ5NC0KiHdyPe5npECHMf4SAE_pWCBj-OO-7GJ85G8dppoujp635bSjy4sjo5aYQ1KeNccPBy4Pz16vNbUeBqj2K78s2G0OyRZFyQxV4/s1600-h/00296_15.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiRffghw990TJI-9WhAX4uM1N5KmmUoIdZZo0HcQ5NC0KiHdyPe5npECHMf4SAE_pWCBj-OO-7GJ85G8dppoujp635bSjy4sjo5aYQ1KeNccPBy4Pz16vNbUeBqj2K78s2G0OyRZFyQxV4/s200/00296_15.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5118817094620340162" /></a><br />การเลี้ยงแพะสำหรับมือใหม่ คือการทำข้อสอบภาคปฏิบัติ ถ้าไม่ทำแบบฝึกหัดมาก่อน หรือทำการบ้านมาไม่ดีพอ ท่านจะรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ยาก และสับสนไปหมดเมื่อพบปัญหาหรือข้อสอบ <strong>ไม่รู้ข้อไดถูก ข้อไดผิด ถูกทุกข้อ หรือผิดหมดทุกข้อ </strong>เช่น เมือพบว่าแพะเจ็บป่วย ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือแพะอย่างไร ลำพังเรื่องพื้นๆ ยังเป็นปัญหา แล้วเรื่องหมอ เรื่องยา ไม่ต้องพูดถึง ก็ได้แต่ถามคนอื่นๆ เป็นเรื่อยไป คนที่1 วินิจฉัยว่าอย่างนี้ คนที่2 วินิจฉัยว่าอย่างนั้น ถาม 3 คนตอบ 3 อย่าง ให้ใช้ยา 3 ตัว แล้วผู้เลี้ยงมือใหม่จะทำอย่างไร ได้แต่งง และมั่วทั่วไป เดาเอาว่า น่าจะเป็น น่าจะใช่ และ<strong>สุดท้ายกลายเป็นแพะตุ๋น</strong><br />ที่กล่าวมาไม่ได้ยอมรับว่ามันน่ากลัว เพียงแนะนำว่า ควรศึกษาให้รู้ก่อนเลี้ยง เช่น รู้ว่าแพะที่เราซื้อมาเลี้ยง เจ้าของเดิมได้เลี้ยงอย่างไร เลี้ยงแพะแบบไฮโซ หรือว่าเลี้ยงแพะแบบพอเพียง การกินอยู่เป็นอย่างไร เมื่อมาอยู่กินกับเราก็ควรให้เป็นเช่นเดิมไปก่อน ถ้าจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ก็ให้ค่อยเป็นค่อยไป อย่างหักด้ามพร้าด้วยเข่า จะได้ไม่คุ้มเสีย<br /><br />ถ้าท่านดูแลแพะอย่างเอาใจใส่และใกล้ชิด ว่างๆ ลองตั้งโจทย์ปัญหาถามตอบเล่นๆ เชื่อว่าเมื่อพบปัญหาเกิดขึ้นจริง ย่อมแก้ไข ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhvgpkK56S3hRGL3tAbFE6ZL8JwhNS9W6XAuFmg0hyphenhyphenOMcwIdwOs70enCeD15qz94noPOw8XIkTUQwmJS7kwfu6_svGLGrCHNK2_uT5f8QLoZC8I-GsMNc3v-nuVhE9uqocI3jTKnAHiPxA/s1600-h/00296_14.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhvgpkK56S3hRGL3tAbFE6ZL8JwhNS9W6XAuFmg0hyphenhyphenOMcwIdwOs70enCeD15qz94noPOw8XIkTUQwmJS7kwfu6_svGLGrCHNK2_uT5f8QLoZC8I-GsMNc3v-nuVhE9uqocI3jTKnAHiPxA/s200/00296_14.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5118817193404587986" /></a><br /><strong>"ยา ไม่ใช่ ขนม"</strong><br /><br />ผู้เลี้ยงบางท่านเป็นห่วงสุขภาพแพะมาก พอได้แพะมาเข้าฟาร์ม ก็จัดการปูพรมระดมฉีดยาขนานใหญ่ ทั้งฉีดวัคซีน ฉีดบำรุง ฉีดถ่ายพยาธิ และ<strong>ได้ผลทันตาเห็น "ตาย" แต่ไม่ใช่พยาธิ กลับกลายเป็น "แพะ"</strong> เพราะแพะแพ้ฤทธิ์ยา เรียกว่า ยาแผลงฤทธิ์<br /><br />ยา ไม่ใช่สิ่งวิเศษเจ็ดอย่างที่ใครต่างหวัง แต่ยาคือวัตถุ หรือสารมีฤทธิ์และสามารถออกฤทธิ์ได้<br />ยา มีอิทธิฤทธิในตัว มีกระบวนการออกฤทธิ์ เมื่อยาออกฤทธิ์ ย่อมมีผลกระทบต่อส่วนอื่นหรือสิ่งอื่นๆ<br />ยา เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว ย่อมมีกระบวนการขับออกจากร่างกายเช่นกัน ถ้าขับไม่ออกเรียกว่าสารตกค้าง<br /><br /><strong>*** ยา ใช้เมื่อจำเป็นต้องใช้เท่านั้น ***</strong><br />ยา ไม่ใช่ขนมผสมน้ำยา ฉะนั้นการใช้ยาควรเป็นหน้าที่ของหมอหรือสัตวแพทย์หรืออยู่ภายใต้การควบคุมของสัตวแพทย์ หาไม่แล้วถ้ายาแผลงฤทธ์ ย่อมเกิดการสูญเสียมากกว่าคุณประโยชน์ แล้วจะพาลโทษว่า <strong>"ยาไม่เป็นยาเลย"</strong><br /><br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-56656554142579088702007-10-05T12:00:00.000+07:002008-12-11T20:12:59.601+07:00หรือว่า "เลี้ยงแพะ" จะดีจริง<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhDUFetwEhaenoj5ppfHtB0PLAEGGHPAjlmxCOmo4NAScxMfzup6j7JrjpzVqOT5FesNXNDTwBeMxsVgySo9lKqPFsDVEtJk_1lf-T2oAyIYjvRGaaL4WcREbEOtpYsngkOshyphenhyphenM9u9U6Hw/s1600-h/00441_9.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhDUFetwEhaenoj5ppfHtB0PLAEGGHPAjlmxCOmo4NAScxMfzup6j7JrjpzVqOT5FesNXNDTwBeMxsVgySo9lKqPFsDVEtJk_1lf-T2oAyIYjvRGaaL4WcREbEOtpYsngkOshyphenhyphenM9u9U6Hw/s200/00441_9.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5117684382895365970" /></a><br />นิตยสารโลกปศุสัตว์ ได้รายงานราคาปศุสัตว์ เอาไว้น่าสนใจทีเดียว หนึ่งในนั้นก็คือ <strong>"แพะ" ความต้องการยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของแพะเนื้อและแพะนม แต่ปัจจุบันปริมาณแพะที่ผลิตได้ในประเทศยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ แม้การบริโถคจะอยู่ในเฉพาะกลุ่มมุสลิม ซึ่งความต้องการใช้เนื้อแพะคนละไม่ต่ำกว่า 15 กิโลกรัมต่อคนต่อปี</strong> เพื่อการบริโภคและใช้ในพิธีกรรม ซึ่งประชากรมุสลิมมีอยู่ประมาณ 5% ของประชากรทั้งประเทศ<br /><span id="fullpost"><br />การผลิตที่ไม่พอเพียงส่วนหนึ่งเป็นเพราะข้อจำกัดทางด้านสายพันธุ์ ซึ่งส่วนใหญ่แพะที่เลี้ยงเป็นพันธุพื้นเมือง ที่การเจริญเติบโตหรือให้เนื้อค่อนข้างต่ำ แต่การจัดการค่อนข้างง่าย ปัจจุบันได้มีการนำเข้าสายพันธุ์จากต่างประเทศ เข้ามาปรับปรุงสายพันธุ์พื้นเมือง ซึ่งได้รับความสนใจจากคนเลี้ยงเป็นอย่างดี<br /><br />สำหรับราคาแพะเป็นอยู่ที่ 60-65 บาทต่อกิโลกรัม ราคาเขียงจำหน่ายกิโลกรัมละ 80-120 บาท ส่วนราคาจำหน่ายพันธุ์ในประเทศ แพะพื้นเมือง อายุ 3 เดือนขึ้นไป ตัวละ 2,000-5,000 บาท<br /><br />แล้วปริมาณแพะจำนวนเท่าไรจึงจะเพียงพอต่อความต้องการ คำถามนี้ขอตอบแบบอธิบายย่อๆ ดังต่อไปนี้<br /><br />ถ้าประเทศไทยมีประชากร 60 ล้านคน จำนวนประชากรมุสลิม 5% เท่ากับ 3 ล้านคน ถ้ามุสลิม 1 คนมีความต้องการใช้เนื้อแพะประมาณ 15 กิโลกรัมต่อปี ประชากร 3 ล้านคนต้องใช้เนื้อแพะถึง 45 ล้านกิโลกรัมต่อปี <br /><br />แล้วแพะจำนวน 45 ล้านกิโลกรัม คิดเป็นตัวได้กี่ตัว ข้อนี้ ตอบอธิบายสั้นๆ ว่าถ้าแพะหนึ่งตัวเนื้อน้ำหนักเฉลี่ย<br /><strong>20 กิโลกรัม ต้องใช้แพะจำนวน 2 ล้าน 2 แสน 5 หมื่นตัว (2,250,000)<br />30 กิโลกรัม ต้องใช้แพะจำนวน 1 ล้าน 5 แสนตัว (1,500,000)<br />40 กิโลกรัม ต้องใช้แพะจำนวน 1 ล้าน 1 แสน 2 หมื่น 5 พันตัว (1,125,000)<br />50 กิโลกรัม ต้องใช้แพะจำนวน 9 แสนตัว (900,000)</strong><br /><br />จากรายงานของกรมปศุสัตว์ ปี 2549 ประเทศไทยสามารถผลิตแพะรวมได้ประมาณ 3 แสนตัว นับว่ายังขาดแพะเพื่อการบริโภคภายในประเทศเป็นจำนวนมาก เพราะแพะที่สามารถทำการค้าขายได้ประมาณ 10-30% ของจำนวนแพะที่เกษตรกรเลี้ยง ที่เหลือเก็บไว้เป็นแพะต้นทุนบ้าง แพะท้อง แพะแรกคลอดหรือแพะยังไม่หย่านม และยังมีแพะจำนวนหนึ่งถูกส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ จึงเป็นการดูดแพะออกไปจากตลาดภายในประเทศด้วย<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEje54WkTcgSxmv4fLH4pktufu0FSTkfTgayKXW6bdc4TaRYt7Rv7iyfQ7MQEJsqAP3YO4uexzSKRJv0-uC0Jv9dmVjrsxI9Na4rMXeXx8G6RviFojZoct3Mm8YGyju_kflYvcwU-jqRp2g/s1600-h/00441_0.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEje54WkTcgSxmv4fLH4pktufu0FSTkfTgayKXW6bdc4TaRYt7Rv7iyfQ7MQEJsqAP3YO4uexzSKRJv0-uC0Jv9dmVjrsxI9Na4rMXeXx8G6RviFojZoct3Mm8YGyju_kflYvcwU-jqRp2g/s200/00441_0.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5117697452480847714" /></a><br /><strong>มาเลี้ยงแพะกันดีกว่า</strong><br />ชุมทางแพะ ขอสนับสนุนให้เกษตรกรไทย หันมาสนใจทำอาชีพการเลี้ยงแพะ อาจเริ่มต้นด้วยการเลี้ยงเพื่อเสริมอาชีพที่มีอยู่เดิม ไว้เป็นตัวเลือกในการปรับพัฒนาอาชีพในอนาคต เพราะอะไรหรือถึงกล้ากล่าวเช่นนี้ ลองมาดูเหตุผลข้อเด่นข้อด้อยเพื่อเปรียบเทียบดูดังต่อไปนี้<br /><br /><strong>ข้อเด่นที่เห็นมีดังนี้</strong><br />1. ผู้เลี้ยงส่วนมากเป็นเกษตรกรรายย่อย ใช้แรงงานในครัวเรือน และใช้วัสดุเหลือใช้จากการเกษตรเป็นอาหารแพะ ทำให้ต้นทุนในการผลิตต่ำ เช่น ปลูกข้าวโพดหักฝักขาย แล้วใช้ต้นและใบเป็นอาหารแพะ<br />2. ในหลายท้องที่มีวัตถุดิบอาหารแพะราคาถูกและเพียงพอสำหรับการเลี้ยง<br />3. การผลิตยังไม่เพียงพอต่อการบริโภค จึงไม่มีปัญหาเรื่องสินค้าล้นตลาด<br />4. พ่อพันธุ์แม่พันธุ์คุณภาพดียังขาดแคลนและราคาสูง<br /><br /><strong>แล้วข้อที่ไม่เด่นมีอะไรบ้าง</strong> จะได้ปรับปรุง และแก้ไขต่อไป<br />1. ผู้เลี้ยงเป็นเกษตรกรรายย่อย ขาดการรวมกลุ่ม ทำให้ยากต่อการควบคุมปริมาณและคุณภาพการผลิต ชุมทางแพะ สนับสนุนการรวมกลุ่มกันมาตลอด<br />2. ยังไม่ปลอดโรค นับว่าเป็นปัญหาที่ทำร้ายเกษตรกรตลอดมาและก็คงตลอดไปอีกนาน<br />3. การใช้พื้นที่ของเกษตรกรยังไม่เหมาะสม ทำให้พืชอาหารสัตว์ไม่เพียงพอ บางคนมีพื้นที่เพียงไม่กี่ไร่แต่อยากเลี้ยงแพะเป็นร้อยๆ ตัว พอหน้าเลี้ยงแพะผอมบักโกรกเพราะกินไม่อิ่ม ก็โดนหลอกซื้อว่าแพะเป็นพยาธิ อมโรค ผอมกะหร่อง กะแหร่ง<br />4. ต้องสร้างโรงเรือนให้แพะได้นอนที่สูง ทำให้มีต้นทุนสูงไปด้วย ผลตอบแทนต้องใช้เวลานาน และขาดแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ<br />5. ขาดแคลนพันธุ์แพะคุณภาพดีและมีราคาสูง<br />6. การซื้อขายแพะยังไม่มีมาตรฐานทั้งในด้านคุณภาพและราคา<br />7. ขาดการประชาสัมพันธ์ การสร้างค่านิยมในการบริโภคทั้งนมแพะและเนื้อแพะ ยังมีความคิดอคติว่ามีกลิ่นสาป<br /><br /><strong>ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบและวิเคราะห์ดูแล้วในอนาคต การเลี้ยงแพะจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งในทุกภาคของประเทศ ซึ่งจะเป็นการเลี้ยงแพะเพื่อการค้า หรือการเลี้ยงแพะเชิงธุรกิจ หรือการเลี้ยงแพะเชิงพาณิชย์ แล้วแต่ใครจะเรียก แต่ชาวบ้านเรียกว่า การเลี้ยงแพะไว้ขาย</strong><br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-73551218859295647002007-10-04T15:59:00.002+07:002009-08-14T20:55:54.175+07:00เราพร้อมที่จะเลี้ยง "แพะ" แล้วหรือยัง ?<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjPXNwv1dT7vwH-IND1JjCJx5OadhLZOklVlPT5a7Ic5dwXGyh8aPU9R5XQXyEFkFq4qwT-RsTPzvZ9YVGCAkekIYqw17lrSQYYJvT4xpK6rxzhLGJQzQaLK_D2oheFRt9fQI3UbV1sE9g/s1600-h/gse_multipart12518.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjPXNwv1dT7vwH-IND1JjCJx5OadhLZOklVlPT5a7Ic5dwXGyh8aPU9R5XQXyEFkFq4qwT-RsTPzvZ9YVGCAkekIYqw17lrSQYYJvT4xpK6rxzhLGJQzQaLK_D2oheFRt9fQI3UbV1sE9g/s200/gse_multipart12518.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5117352583786848034" /></a><br /><strong>มีทำเล มีที่ มีทาง มีใจ ถ้าใครมีคำตอบครบตามนี้ย่อมพร้อมที่จะทำการเลี้ยงแพะได้แล้ว</strong> หลายๆ ท่านอาจจะแย้งว่า <strong>มันง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ</strong><br /><br />ยังดอกครับท่าน อย่าเพิ่งเชื่อ "<strong>เพราะการลงทุน ย่อมมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณ ก่อนตัดสินใจ"</strong><br /><br />การเลี้ยงแพะ ที่จะกล่าวต่อไปนี้คือ <strong>"การเลี้ยงแพะเชิงพาณิชย์"</strong>หรือ <strong>"การเลี้ยงแพะเพื่อการค้า"</strong>ดังนั้นจึงเป็นการเลี้ยงแพะเพื่อที่จะขายแพะออกไปในวันข้างหน้า<br /><span id="fullpost"><br />ไม่ใช่เป็นการเลี้ยงเพื่อการบริโภคในครัวเรือน หรือเพื่อใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา ฉะนั้นสิ่งที่เราจะทำก็คือ <strong>การทำฟาร์มแพะ</strong> และแน่นอนย่อมต้องมี<strong>การลงทุน</strong>แน่ๆ<br /><br />ฉะนั้นก่อนตัดสินใจลงทุน เราต้องสำรวจความพร้อมของเราดูก่อนว่า <strong>ตั้งอยู่บนความเสี่ยง หรือเปล่า เสี่ยงมาก เสียงน้อย </strong>หรือว่า สบาย สบาย และความพร้อมสำหรับการเลี้ยงแพะเพื่อการค้านั้นมีอะไรบ้างที่ควรจะทราบ เรามาลองสำรวจกันดีกว่า<br /><br />จากข้อความข้างต้น <strong>มีทำเล มีที่ มีทาง มีใจ </strong>ย่อมมีชัยในการเลี้ยงแพะจริงหรือ ขอเริ่มต้นนำท่านไปสำรวจทำเลกันก่อนก็แล้วกัน<br /><br /><strong>"ทำเล" คือสถานที่สำหรับจะทำการเลี้ยงแพะ</strong> ควรเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงสัตว์หรือแพะ ถ้าท่านตอบว่า เยี่ยมเลย ทำเลดีมากครับ ไปมาสะดวก มีทุ่งหญ้า บริเวณโล่งกว้าง มีภูเขา สุมทุมพุ่มไม้เขียวขจี ต้นไม้เล็ก ต้นไม้ใหญ่ มีเต็มไปหมด มีห้วย คลอง หนองน้ำ ตลอดปีไม่มีหมด ถ้าได้ทำเลแบบนี้คำตอบคือทำเลของท่านพร้อมมากๆ ทีเดียวเชียว<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhfUNg2sE-RYJUHHrxPBUuAuf9o0IwQR-gXIws52X_3M9svlkqDvJ2MnletcO3obvTVSh-Z4Uzm8dJ_qsn5Kt9UIm0FAJ0qyDg3cf7ZYQOPAkWQN8yavicVv_IV9z8pc1nO0o65gCBZ3yQ/s1600-h/00080_37.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhfUNg2sE-RYJUHHrxPBUuAuf9o0IwQR-gXIws52X_3M9svlkqDvJ2MnletcO3obvTVSh-Z4Uzm8dJ_qsn5Kt9UIm0FAJ0qyDg3cf7ZYQOPAkWQN8yavicVv_IV9z8pc1nO0o65gCBZ3yQ/s200/00080_37.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5117365116501417778" /></a><br />แล้วถ้าไม่ได้อย่างที่กล่าวแล้วจะเลี้ยงแพะไม่ได้เลยหรือ คำตอบคือสามารถเลี้ยงแพะได้ แต่สิ่งเหล่านั้นคือแหล่งอาหารแพะตามธรรมชาติ เป็นการลดต้นทุนในด้านการจัดการอาหารแพะ อีกวิธีหนึ่ง แต่เราสามารถสร้างแหล่งอาหารขึ้นมาเองตามรูปแบบธรรมชาติได้ ดังนั้นถ้าท่านมีแหล่งอาหารก็ถือว่าพร้อมเช่นกัน<br /><br /><strong>"มีที่" คือ ที่อยู่ ที่มา และที่ไป</strong> ที่อยู่ก็คือบ้านของแพะ หรือที่เรามักเรียกกันว่าโรงเรือนแพะ ซึ่งก็คือที่ตั้งฟาร์มแพะของเราในอนาคตนั่นแหละ ถ้าท่านตอบว่า ไม่ต้องห่วงหรอก มีที่เหลือเฟือ เลี้ยงแพะได้เป็นร้อยๆ ด้านหลังติดภูเขา ด้านหน้าติดลำคลอง ด้านข้างเป็นที่ว่างเปล่า มีต้นกระถินขึ้นเต็มไปหมด พูดง่ายๆ คือ เรามีสินค้าคุณภาพดีที่พร้อมจะขาย<br /><br />ที่มาและที่ไป ก็คือการวางแผนฟาร์มแพะในอนคตหลังจากการตัดสินใจที่จะเลี้ยงแพะแล้ว <br /><br />ที่มา คือแพะที่เราจะนำมาเลี้ยง มาจากไหน ประวัติเป็นมาอย่างไร ดี หรือไม่ดี แค่ไหน พูดง่ายๆ ก็คือ การหาสินค้าดีๆ เข้ามาไว้ขายในอนาคต <br /><br />ที่ไป คือตลาด หลังจากที่ตัดสินใจทำฟาร์มแพะแล้ว ไปขายที่ไหน ราคาเท่าไร ใครซื้อ พูดง่ายๆ คือ ตลาดดีๆ ที่สินค้าดีๆ ของเราจะไปขายได้ราคาดี<br /><br />ที่มาที่ไป คือเรารู้จักแพะดีพอแล้วหรือ ถ้าท่านตอบได้ว่า<br /><br />แพะเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องขนาดเล็ก กระเพาะสี่ มีเขากลวง มีเท้าเป็นกีบ ตั้งท้องประมาณ 150 หากินเก่ง ชอบกินใบไม้มากกว่าหญ้า ชอบนอนที่สูง มีโรคที่สำคัญคือแท้งติดต่อ ปากเท้าเปื่อยและพยาธิ ถ้าท่านพูดได้ขึ้นใจขนาดนี้แสดงว่าท่านได้ค้นหาข้อมูลมาพอสมควรแล้ว ย่อมตัดสินใจได้ว่า จะซื้อแพะอย่างไร ขายแพะอย่างไร และสร้างโรงเรือนแพะอย่างไร <strong>อย่าลืมว่าโรงเรือนไม่ใช่สิ่งอวดอ้างความสำเร็จ ควรลงทุนตามความเหมาะสม</strong><br /><br /><strong>มีทาง แน่นอนเราคงต้องการทางที่เป็นได้มากที่สุด</strong> เราคงไม่ต้องการทางอื่น มีอะไรบ้างที่พอจะสำรวจความพร้อมเรื่องทางนี้ เอาหลักๆ ก็แล้วกัน<br /><br /><strong>การจัดการฟาร์ม นับว่าเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายของธุรกิจได้เลย</strong> เพราะฟาร์มแพะของเรา ก็คือธุรกิจของเรา บางคนเก็บเงินสะสมมาทั้งชีวิตนำมาลงทุน แต่บางคนเพียงแบ่งเงินเดือนมาไม่กี่เดือนก็ทำฟาร์มแพะได้แล้ว แสดงว่ากลุ่มนี้เป็นมนุษย์เงินเดือน หรือมีรายได้ประจำอยู่แล้ว แต่อยากมีรายได้เพิ่มด้วยการทำธุรกิจฟาร์มแพะ หรือบางท่านวางแผนเพื่อเปลี่ยนแนวทางชีวิตในอนาคต<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiaPQGgf1jw27m6pO5j5Eg4JX_8hx_3sHrbePbbpfkZX8Yf6n5vYt_3U8UUSmr4xVoiqDmghCKJ_wXfQxHx6N5gNZst5BuLkPbzoZzXJeSaTJgsSdHxZ0InH52OxyDawH5ZJIj_Ji0a-tA/s1600-h/00212_12.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiaPQGgf1jw27m6pO5j5Eg4JX_8hx_3sHrbePbbpfkZX8Yf6n5vYt_3U8UUSmr4xVoiqDmghCKJ_wXfQxHx6N5gNZst5BuLkPbzoZzXJeSaTJgsSdHxZ0InH52OxyDawH5ZJIj_Ji0a-tA/s200/00212_12.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5117375089415479106" /></a><br />แล้วเราต้องจัดการเรื่องใดเป็นที่สำคัญก่อนหลัง ข้อนี้ตอบได้ยากพอสมควร เพราะคำตอบสำเร็จรูปไม่มีขาย แต่ละคนมีความสามารถได้แตกต่างกัน ขอกล่าวโดยทั่วๆ ไปก็แล้วกัน คือ<strong>การจัดการบุคลากร</strong> กับ<strong>การบริหารเวลา</strong><br /><br />บุคลากรของฟาร์มมีใครบ้าง <strong>ตัวเรา </strong>เป็นลูกจ้างของฟาร์มเรา หรือมี <strong>คนงาน </strong>เป็นลูกจ้าง ใครรับผิดชอบดูแลส่วนไหน เช่น การติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ การเลี้ยงดู การดูแลสุขภาพแพะ หรือว่า <strong>คนงาน</strong> รับผิดชอบทั้งหมด <br /><br />การบริหารเวลา ก็สำคัญ เพราะทุกคนมีเวลาวันละเท่าๆ กัน ในแต่ละช่วงเวลาในหนึ่งวัน ใครรับผิดชอบส่วนไหนของฟาร์ม ในหนึ่งวันเรามีเวลาเข้าไปจัดการฟาร์มหรือเปล่า หรือยกให้<strong> คนงาน</strong> บริหารทั้งหมด<br /><br /><strong>โปรดจำไว้ว่า</strong> หลายๆ ฟาร์มต้องเลิกกิจการไป เพราะมอบหมายให้ คนงาน เป็นผู้จัดการทั้งหมด เดี๋ยวขอขึ้นเงินเดือน ถ้าไม่ขึ้นให้เดี๋ยวขอลาออก ถ้าไม่ให้ลาออก เดี๋ยวก็ได้รับรายงานว่าแพะตาย ไม่ทราบแน่ชัดว่าเพราะสาเหตุใด บางฟาร์มเปลี่ยนคนงาน เป็นประจำ <strong>สุดท้ายเลิกกิจการ</strong><br /><br /> <strong>เงินของเรา หยาดเหงื่อของเรา ทุกบาททุกสตางค์ล้วนทำงานแลกมา จงระมัดระวังในเรื่องการจัดการ แล้วจะหาคำตอบได้ไม่ยากว่าพร้อมหรือยัง</strong><br /><br /><strong>มีใจ </strong>จะเอากี่ใจดีละครับ หนึ่งใจ สองใจ หรือว่าสามใจ เอาทีละใจก็แล้วกัน<br /><br /><strong>ใจรัก</strong> เราเป็นคนรักสัตว์หรือเปล่า โดยเฉพาะแพะ ซน และสามารถทำความเสียหายให้กับพืชผัก ของเราเองและของเพื่อนบ้านได้ ถ้าป้องกันไม่ดีพอ เป็นห่วงแพะแค่ไหน ถ้าไม่ได้เข้าฟาร์ม ลองคิดหาคำตอบดู<br /><br /><strong>เอาใจใส่ </strong>ไม่ใช่แค่รักแพะ ชอบแพะ แล้วจะไปรอด อย่าลืม <strong>เอาดวงใจของเขามาใส่ใจของเรา เขาจะทุกข์จะสุขอย่างไร ก็เงินในกระเป๋าของเรา แพะเจ็บได้ ป่วยได้ และก็ตายได้ แต่พูดไม่ได้ แล้วใครจะช่วยแพะได้ </strong>โปรดทบทวนอีกครั้ง<br /><br /><strong>ใจถึง</strong> คงไม่ต้องอธิบายมาก ต้องยอมรับได้ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ต้องพร้อมที่จะสู้ถ้าไม่เป็นไปตามแผนการที่เราได้วางไว้ พร้อมที่จะหาจุดบกพร่อง แล้วเริ่มการแก้ไข <strong>แน่นอนว่าถ้าเลี้ยงแพะแล้ว อย่างน้อยก็ใช้เวลาเป็นปี กว่าจะมีลูกมีหลานให้ได้ขาย แล้วระหว่างที่เลี้ยงอยูล่ะ เรากินอะไร</strong> มีคำตอบพร้อมแล้วหรือยัง <br /><br /><strong>ถ้าพร้อมแล้วลุย</strong><br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com3tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-50792925472583277482007-09-21T15:36:00.000+07:002008-12-11T20:13:00.492+07:00พฤติกรรมการคลอดของแพะ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEivVZvuKkIiC9HqkZQGg-QCmytPZ2OQCiiRIQ6PiKRhv2ItTx5MjS7jkKs-DN1CKTFKg4-i7Hj755nqB2ywY4HDRyQ_D6gJc4pUKvwY6aDKz_jprEii3IRzYI-irgE5hRAB6Mkd__A4RFc/s1600-h/applebirth2.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEivVZvuKkIiC9HqkZQGg-QCmytPZ2OQCiiRIQ6PiKRhv2ItTx5MjS7jkKs-DN1CKTFKg4-i7Hj755nqB2ywY4HDRyQ_D6gJc4pUKvwY6aDKz_jprEii3IRzYI-irgE5hRAB6Mkd__A4RFc/s200/applebirth2.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5112548667161239314" /></a><br />ผมเลี้ยงแพะโดยการปล่อยเลี้ยงแบบไล่ต้อนตามที่สาธารณะ และปล่อยให้แพะผสมพันธุ์กันเองตามธรรมชาติแบบตัวผู้คุมฝูง แล้วจะรู้ได้อย่างไรครับ ว่าแพะท้องแก่และใกล้จะคลอดแล้ว<br /><br />ข้อนี้ไม่เป็นปัญหาครับ ถ้าจำวันผสมไม่ได้ หรือไม่รู้อะไรเลย รู้แต่ว่าแพะมันท้องแล้ว ก็ให้ใช้วิธีสังเกตอาการภายนอกก็แล้วกัน เพราะปกติแล้วแพะจะท้องนานประมาณ 150 วันบวกลบแต่ไม่ควรเกิน 5 วัน เพราะถ้าผิดไปจากนี้แล้วแสดงว่าเป็นอาการที่ผิดปกติ ต้องรีบปรึกษาสัตวแพทย์โดยด่วน<br /><br /><span id="fullpost"><br /><strong>ขวนการคลอดของแพะ</strong><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi9kAuqrctAlC0r8-p7QkoxD8WTRMvJ8NAnzNzLa4SN-dIssJfXA4cp8C1QwEHbtCvLzheDhSzDgj61W1Nu6fzAdAVQsr72Zp5l1HVPVsc0WvN_ogfrUiBWCODcEC4GeFWDLzoNWPRbhsQ/s1600-h/applecleanskid.jpg"><img style="float:right; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi9kAuqrctAlC0r8-p7QkoxD8WTRMvJ8NAnzNzLa4SN-dIssJfXA4cp8C1QwEHbtCvLzheDhSzDgj61W1Nu6fzAdAVQsr72Zp5l1HVPVsc0WvN_ogfrUiBWCODcEC4GeFWDLzoNWPRbhsQ/s200/applecleanskid.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5112539527470833410" /></a><br />เรามาดูอาการกันดีกว่าว่าแม่แพะจะมีอาการอะไรบ้างให้เป็นที่สังเกต ตามตำราการเลี้ยงแพะ ของอาจารย์สมเกียรติ สุวรรณสมุทร เขียนไว้ว่า วันที่ใกล้คลอดเต้านมจะขยายใหญ่ขึ้น จนถึงระยะ 1-2 วันกล่อนคลอดเต้านมจะเต่งตึงมาก และมีน้ำนมคั่งหรือไหลออกมา ท้องหรือสีข้างจะยุบตัวลง อวัยวะเพศบวมแดง และมีน้ำเมือกไหลออกมา<br /><br />แม่แพะจะมีอาการหงุดหวิด กระวนกระวาย เดินวนไปวนมา ผุดลุกผุดนั่งหรือส่งเสียงร้อง ใช้ขาตะกุยที่นอนไปรอบๆ หรือใช้จมูกดมตามพื้น แม่แพะจะทำท่าเบ่งท้องหลายครั้ง น้ำเมือกที่อวัยวะเพศจะข้นมากขึ้น และขาวในที่สุด สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่าแม่แพะจะคลอดลูกภายใน 1-2 ชั่วโมงข้างหน้า<br /><br />การคลอด แม่แพะจะยืนคลอด โดยมีถุงน้ำคร่ำออกมาก่อน เมื่อถุงน้ำคร่ำแตกก็จะเห็นลูกแพะโผล่ออกมาตามแรงเบ่ง ตามด้วยจมูก หัว และลำตัวในที่สุด เมื่อลูกคลอดออกมาแล้วแม่แพะก็จะเลียตามตัวลูกจนสะอาด โดยเริ่มเลียที่จมูกลูกเพื่อจะได้รับอากาศทำให้หายใจสะดวก ต่อจากนั้นลูกแพะจะพยายามทรงตัวลุกขึ้นยืน และลูกแพะจะหาเต้านม เมื่อพบแล้วจะเริ่มดูดนม กระดิกหางอย่างมีความสุข แสดงว่าแม่มีน้ำนมไหลให้ลูกได้ดูดกินแล้ว และแม่ก็จะยืนเลียตัวลูกแพะจนกว่าเนื้อตัวจะแห้ง<br /><br /><strong>ทำไมแพะชอบคลอดตอนกลางคืน</strong><br /><br />เรื่องนี้คุณหมอฟาร์มดี (Vetfarmde)บอกว่า "เป็นเพราะสัญชาตญาณความปลอดภัยค่ะ แต่ก่อนเขาอยู่ในป่าต้องหลบหลีกผู้ล่าให้ดีจึงต้องอาศัยสถานะการณ์ที่เงีบย สงบ และให้ความรู้สึกปลอดภัย ซึ่งก็คือเวลากลางคืนนั่นเอง แต่เมื่อเขามาอยู่กับเราเขาก็ยังคงมีสัญชาตญาณความปลอดภัยอยู่<br /><br />ฉนั้นเราจึงควรมีคอกคลอดให้เขาได้รู้สึกปลอดภัย และไม่ถูกรบกวนจากแพะตัวอื่นๆ ที่สำคัญคอกคลอดนั้นยังลดปัญหาการติดเชื้อ การดูแลก็ง่ายขึ้นสำหรับเรื่องควบคุมอุณหภูมิ ด้วยค่ะ" สรุปว่าห้ามรบกวนกระบวนการคลอดของแพะจะดีกว่า ดูอยู่ห่างๆ ก็พอเผื่อมีอะไร จะได้ช่วยเหลือได้ทันท่วงทีครับ<br /><br />ขอขอบคุณภาพจาก <a href="http://www.ces.ncsu.edu/chatham/ag/SustAg/farmphotofeb1306a.html">Growning Small Farms</a><br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-262325298225286372007-09-20T10:08:00.000+07:002008-12-11T20:13:01.343+07:00เพราะรัก จำต้อง "ฆ่า"<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhoWdfm3WN2oVl3b3rHoba1gcF74BprCNKOEqF7TOhu__URIsuL-Gfh6hMJivYNgv4aw80hJvJtKekZwLFg2Bk-03wYtmAUvBa26B-64hRt2d6ye1sefm_9Gf2qcRH1ejGsSJk8xXVlttE/s1600-h/imageskill.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhoWdfm3WN2oVl3b3rHoba1gcF74BprCNKOEqF7TOhu__URIsuL-Gfh6hMJivYNgv4aw80hJvJtKekZwLFg2Bk-03wYtmAUvBa26B-64hRt2d6ye1sefm_9Gf2qcRH1ejGsSJk8xXVlttE/s200/imageskill.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5111799522166711026" /></a><br /><br />วันนี้มีโอกาสได้ร่วมวงกินข้าวกับสาวๆ ในออฟฟิช ทั้งสาวเหลือน้อยและสาวไม่มาก ไม่รู้เป็นอะไรกัน นั่งเม้าท์กันในวงข้าว เรื่องราว ของ "นวลฉวี" และที่เพิ่งปิดคดีไปเมื่อไม่นานนี้ และอื่นๆ อีก 2-3 เรื่องที่เป็นตำนาน "หมอฆ่าเมีย" <strong>แล้วทำไมต้องฆ่า </strong>ฆ่าแล้วทำไมต้องหั่น หรือทำไมต้องชำแหละ ทำไม ทำไม เขาเป็นอะไร ????<br /><br /><span id="fullpost"><br /><strong>โรคแพะ ปัญหาสาธารณสุข และปัญหาเศรษฐกิจ</strong><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiSmlvFx58dbabn7wkrDzUly1_RuLMvbsB2NarbDoaBuvYz4Ue1g346IhLuP3oF6LO_stLoc_RZa_bOlTDq5gwJr-cjbyu9WxMLx3b_1zsZ7OkFeFWw9-1lSLgRS0ftD_2btm_6G-kelh4/s1600-h/20059897311.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiSmlvFx58dbabn7wkrDzUly1_RuLMvbsB2NarbDoaBuvYz4Ue1g346IhLuP3oF6LO_stLoc_RZa_bOlTDq5gwJr-cjbyu9WxMLx3b_1zsZ7OkFeFWw9-1lSLgRS0ftD_2btm_6G-kelh4/s200/20059897311.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5111798830676976338" /></a><br />และวันนี้ทำให้นึกถีงเรื่องราวของสมาชิกชุมทางแพะท่านหนึ่ง ที่อยู่ร่วมชะตาเดียวกันคือ <strong>"จำต้องฆ่า แม้ว่ายังรัก"</strong> ทั้งเสียใจและแสนเสียดาย เพราะนี่คือการสูญเสีย เป็นการเสียทั้งทางด้านสาธารณสุข และเศรษฐกิจ <br /><br />เรื่องราวมีอยู่ว่าสมาชิกท่านนี้ได้ทำการปรับปรุงมาตรฐานฟาร์มเพื่อให้ความร่วมมือกับกรมปศุสัตว์และสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค สนองโครงการ <strong>"อาหารปลอดภัย"</strong> คนเลี้ยงปลอดภัย คนซื้อปลอดภัย คนขายปลอดภัย คนแปรรูปปลอดภัย และคนกินก็ปลอดภัย<br /><br />หลังจากให้เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์เจาะเลือดนำไปตรวจเพื่อพิสูจน์ทราบและวินิจฉัยโรค ว่าเป็นบรูเซลโลซิส (Brucellosis) หรือไม่ ผลปรากฏว่า <strong>เป็นผลลบ </strong>ต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะ เป็นอย่างยิ่ง เพราะสันนิฐานว่าเป็นโรคบรูเซลโลซิส และในจำนวนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ เป็นแพะท้องซะหลายตัว <strong>นั่นหมายถึง รายได้ในอนาคตที่จะได้รับจะต้องหลุดหายไปอย่างน่าเสียดาย เสียรายได้ เสียโอกาส และเพิ่มค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น</strong> เพราะว่ามีแพะที่ตั้งท้อง ผู้เลี้ยงท่านนี้ไม่สามารถลบออกจากระบบได้ จะฆ่า ก็ฆ่าไม่ลง เพราะว่าแพะมันท้อง ดังนั้นจึงต้องเลี้ยงดูต่อไป และต้องลำบากจัดหาที่ทางเพื่อกักบริเวณ ไม่ให้มีโอกาสได้คลุกคลีกับแพะตัวอื่นๆ ปล่อยให้คลอดแล้วจึงค่อยลบ (Delete) ออกไปทั้งแม่ทั้งลูก<br /><br />ด้านปัญหาสาธารณสุขที่ตามมาก็คือ โรคนี้เป็น<strong>"โรคสัตว์สู่คน"</strong>โรคสัตว์สู่คนแปลว่า ปกติแล้วเป็นในหมู่สัตว์แต่สามารถติดต่อมาสู่คนได้ เมื่อเกิดขึ้นในคนแล้วจะไม่สามารถแพร่ไปสู่คนด้วยกัน นับว่าเป็นการสูญเสียกันยกใหญ่<br /><br />ดังนั้น <strong>ต้องทำการตรวจโรคแพะก่อนทุกครั้ง จึงนำเข้าฟาร์ม ห้ามนำแพะที่ไม่มีใบอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์เข้าฟาร์มโดยเด็ดขาด และตรวจทดสอบโรคปีละ 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย </strong>นี่คือการป้องโรคกันที่ดีเพราะว่า <strong>"โรคบรูเซลโลซิส ยังไม่มียารักษา"</strong><br /><br /><strong>รู้จักโรคบรูเซลโลซิส (Brucellosis)</strong><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgsmVnL0P1qMKvb-WU7QLObkOYnkJdZvv7TczrpwTQbOe-LnrRgWLPqdx94FXldu6F905Tb5Cf5d4bwyJtgqoOyib_8dBwrI7klFo3SgXY8hSN_K46p7mRwi-OhD4cjWRsQFQGrJJ0nnus/s1600-h/asf-cm-ASF12_JPG.jpg"><img style="float:right; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgsmVnL0P1qMKvb-WU7QLObkOYnkJdZvv7TczrpwTQbOe-LnrRgWLPqdx94FXldu6F905Tb5Cf5d4bwyJtgqoOyib_8dBwrI7klFo3SgXY8hSN_K46p7mRwi-OhD4cjWRsQFQGrJJ0nnus/s200/asf-cm-ASF12_JPG.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5111799148504556258" /></a><br />โรคนี้ชาวบ้านมักเรียกว่า <strong>"โรคแท้ง"</strong> หรื่อ <strong>"แท้งติดต่อ"</strong> หรือ<strong>"แท้งต่อเนื่อง"</strong> เพราะเมื่อเป็นโรคแล้วแพะมักจะมีอาการแท้งลูก (แพะเมื่อแท้งลูกแล้วในระยะหลังมักจะไม่พบการแท้งลูกอีก)<br /><br />บรูเซลโลซิสในแพะมีสาเหตุจากเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bruceela melitensis <br /><br />แหล่งรังโรคคือ สัตว์ที่แท้งลูกพร้อมลูกสัตว์ สารคัดหลั่งต่างๆจากสัตว์ที่แท้ง จะทำให้บริเวณเลี้ยงสัตว์นั้นปนเปื้อน <br /><br />การแพร่โรคจากฝูงหนึ่งไปอีกฝูงหนึ่งโดยมากเกิดจากการเคลื่อนย้ายสัตว์เป็นโรคที่ตั้งท้อง หรือ จากนำสัตว์พ่อพันธุ์เข้าฝูง <br /><br />หรือบางครั้งอาจจะแพร่โรคโดยสุนัข โดยการกัด-แทะ และเคลื่อนย้ายซากลูกสัตว์ที่เป็นโรคไปตามที่ต่างๆ <br /><br />เชื้อบรูเซลลา ถูกขับออกมาในน้ำนมได้นานเป็นปีหรือมากกว่า หลังจากสัตว์แท้งลูกสัตว์จะปล่อยเชื้อออกมาเป็นจำนวนมากในมดลูก สารคัดหลั่งที่ออกมาจากมดลูก และปัสสาวะ เป็นระยะ 1-3 วันหลังคลอด และจะปล่อยเชื้อได้นาน 4-6 เดือน <br /><br />ในสัตว์ที่ไม่ตั้งท้องจะเข้าสู่ระยะเรื้อรัง จะเป็นตัวอมโรคและแพร่โรคได้ ส่วนตัวผู้มักพบอัณฑะอักเสบ <br />(สัตวแพทย์หญิงมนยา เอกทัตร์ กลุ่มอิมมูนและซีรัมวิทยา )<br /><br /><strong>การติดต่อของโรคบรูเซลโลซิส</strong><br />1. โดยตรง เช่น การกิน, การสัมผัส<br />2. โดยอ้อม ไม่เจตนา แต่มาทางอากาศ เช่น การหายใจ ว้าว น่ากลัวจังเลย<br /><br /><strong>โรคแท้งติดต่อ มีทางออก</strong><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiB3TlZIV6Mw0u7B3PeFl_gI7N8z8rqCdG-N4rWt45XzLBAJsCkohwWSNPa0KwlFSfqvaHn5dfSWYj71Il0GN5RiWM4nGFi3TdsIZVXJIEZfL7TqVSK3IKG8gdzSzLoFmRuOE0reaDlZbo/s1600-h/asf-cm-slide20.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiB3TlZIV6Mw0u7B3PeFl_gI7N8z8rqCdG-N4rWt45XzLBAJsCkohwWSNPa0KwlFSfqvaHn5dfSWYj71Il0GN5RiWM4nGFi3TdsIZVXJIEZfL7TqVSK3IKG8gdzSzLoFmRuOE0reaDlZbo/s200/asf-cm-slide20.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5111847668750099202" /></a><br />โรคนี้ ติดทางสิ่งคัดหลั่งและการสัมผัส เช่น ผสมพันธุ์ เลีย ปัสสาวะ อุจจาระ<br /><strong>การตรวจ</strong> ใช้น้ำเลือด(ซีรั่ม) ส่งตรวจที่สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ กทม. อยู่ในรั้วเดียวกันกับ ม.เกษตร อยู่ด้านหลังกรมป่าไม้<br /><br /><strong>การตรวจที่ให้ผลลบ พอตรวจซ้ำให้ผลบวก นั้นไม่ใช่เพราะความผิดพลาดของห้องแลบ แต่เป็นเพราะเจ้าเชื้อนี้มันสามารถหลบซ่อนได้ ทำให้เราเดี๋ยวเจอเดี๋ยวไม่เจอ อาจเป็นเหตุให้คนขัดแย้งกันได้</strong> <br /><br />วิธีที่ใช้ตรวจนี้มีความไวมาก รู้ผลเร็ว และแนะนำให้ตรวจเดือนละ 1 ครั้งจนกว่าจะได้ผลลบทั้งฟาร์มติดกัน 3 ครั้ง จึงขยับไป อีก 6 เดือน และ 1 ปีได้ ที่ต้องตรวจเข้มขนาดนี้ เพราะว่ามันแพร่กระจายได้ง่าย ติดคนแล้วตายได้ และที่สำคัญมันหลบซ่อนในต่อมนำเหลืองได้เก่ง ถ้าเจอถือว่าโชคดีทีเดียว <br /><br />อย่าได้เสียดายหรือเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย ให้ตัดใจทำลายทิ้ง <br /><br /><strong>อย่าขายต่อเพราะจะเป็นการทำร้ายกันเอง</strong> <br /><br />คนต้องดูแลตัวเอง ด้วยหลักแห่งความสะอาดนั้นเพียงพอต่อการป้องกันตัว คนเชือดจะมีโอกาสเสี่ยงมากกว่าคนกินสุก <br /><br />เวลาเราไปเยี่ยมฟาร์มขอให้ช่วยกันจุ่มเท้าจุ่มล้อรถ <br /><br /><strong>และอย่าจับแพะคนอื่นโดยไม่ล้างมือก่อนและหลัง เพื่อเป็นการแสดงความเคารพในทรัพย์ของกันและกัน ค่ะ</strong><br /><br />ปล. ตรวจได้ทุกเพศทุกวัย ยกเว้น ลูกอายุต่ำกว่า 3 เดือน เพราะตรวจไปจะไม่เจอ <br />(พรหล้า, กระทู้ชุมทางแพะ)<br /><br /><br /><br /><br />ขอขอบคุณภาพจาก <a href="http://www.skeptic.com/eskeptic/05-04-26.html">Skeptics Society</a> และ <a href="http://www.fao.org/AG/AGA/AGAH/EMPRES/GEMP/cont-plan/cont-plan.html">fao</a><br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-40599799535189726472007-09-18T18:20:00.000+07:002008-12-11T20:13:02.254+07:00คนบ้าบอร์ (บัวร์)<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjNMQ4Ko0EtprTqj7mlAdjChyphenhyphenpULl48FgZu5bKizyiQr1HNorhaZ7vvX8JXjovZqqDApZR2Y521Ce0eNkeZamXvZlrtVVcKEzG152Aa-dujZMPW613xHSWHCOT-zg3JZTZDnSdVIUzJx4w/s1600-h/LinoBoerGoatProfile1.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjNMQ4Ko0EtprTqj7mlAdjChyphenhyphenpULl48FgZu5bKizyiQr1HNorhaZ7vvX8JXjovZqqDApZR2Y521Ce0eNkeZamXvZlrtVVcKEzG152Aa-dujZMPW613xHSWHCOT-zg3JZTZDnSdVIUzJx4w/s200/LinoBoerGoatProfile1.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5111462851901287218" /></a><br /><strong>ไอ้ผมนะ มันคนบ้าบอ ใครจะว่ายังไงก็ชั่ง ผมก็ยังบ้าบอ คุณโกร่งอาจจะบ้าแองโกล หรือซาแนน แต่ผมยังไงๆ ก็ต้องบอร์</strong> แหม.. ฟังแล้วเข้าใจเกือบผิด ตกลงว่าบอร์ ไม่ใช่บอ ..เป็นเสียงของสมาชิกชุมทางแพะ รายงานถึงความก้าวหน้าของตนให้ฟัง ว่าตอนนี้เขาได้บอร์ลูกผสมแล้ว และตั้งใจเอาไว้ว่าจะทำตลาดกับเจ้าตัวนี้แหละ ถึงใครจะว่ามันมีน้ำนมน้อย ไม่พอเลี้ยงลูกแฝด แต่เขายังไม่ยอมปักใจเชื่อ อาจจะเป็นเพราะคนที่พูด บำรุงน้ำนมไม่ถูกวิธีก็เป็นได้ สมาชิกชุมทางแพะเน้น<br /><br /><span id="fullpost"><br /><strong>บอร์(บัวร์)Boer เป็นใคร มาจากไหน</strong><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgiRuLBsXgQvp5KfMXnqEhs9nq_Zkv8C6a9oQEQqdFb7odfKymAtqT_nJ6TXg1uyfeucJfjVeqsQqgtnQOpdD3-4JVKu-lkRDeXCrG7mo5i06IX7O1N-Zns6pK_XQ8QqdGD4R0q1t1Qmbc/s1600-h/Premium09.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgiRuLBsXgQvp5KfMXnqEhs9nq_Zkv8C6a9oQEQqdFb7odfKymAtqT_nJ6TXg1uyfeucJfjVeqsQqgtnQOpdD3-4JVKu-lkRDeXCrG7mo5i06IX7O1N-Zns6pK_XQ8QqdGD4R0q1t1Qmbc/s200/Premium09.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5111469586410007362" /></a><br />เรามาตามหาบอร์ (บัวร์) กันดีกว่า ว่ามีความเป็นมาอย่างไร หน้าตาเป็นแบบไหน หล่อ เท่ห์ระเบิด สวยเริด ประเสริฐศรี เพียงใด ทำไมหนอ ถึงใครต่อใคร ต่างก็อยากได้มาครอบครองกันจัง<br /><br />สมาคมแพะพันธุ์บอร์ (บัวร์) สหรัฐอเมริกา (<a href="http://www.abga.org/page.php?pageid=2">American Boer Goat Association</a>,ABGA)กล่าวไว้ว่า แพะพันธุ์บอร์(บัวร์)ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อต้นศตวรรษปี 1900 ซึ่งคำว่า บอร์หรือบัวร์ (Boer)เป็นภาษาดัช (เป็นภาษาของชนเผ่าในประเทศเนเธอร์แลนด์)ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า Farmer นะเอง สืบย้อนไปได้ว่า เกษตรกรชาวดัช (Dutch)แห่งประเทศอัฟริกาใต้คนนี้เป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์นี้ขึ้นมา โดยตั้งหลักอยู่บนพื้นฐานเพื่อการผลิตแพะเนื้อคุณภาพเยี่ยม อัตราการเจิญเติบโตเร็ว และปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เก่ง อันนี้ขอให้คิดถึงสภาพแวดล้อมของประเทศแถบอัฟริกาใต้เป็นหลักก็แล้วกัน<br /><br /><strong>รูปพรรณสันฐานของ บอร์(บัวร์) เป็นเช่นไร</strong><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiBbvS0zRD74hlT8ukCrxj9jtnByCg4IHrU_SJb_W_jRjhyphenhyphenjITYc3PSYGNqGTI5NGkE1-LXnh2maqY6zCVxzQIJhccfI_tanKwEWVbPYHaPUTfSGFhUh8isqyQR4ytkxl2hzBbw_dFJ1qc/s1600-h/selection_image022.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiBbvS0zRD74hlT8ukCrxj9jtnByCg4IHrU_SJb_W_jRjhyphenhyphenjITYc3PSYGNqGTI5NGkE1-LXnh2maqY6zCVxzQIJhccfI_tanKwEWVbPYHaPUTfSGFhUh8isqyQR4ytkxl2hzBbw_dFJ1qc/s200/selection_image022.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5111484511421360978" /></a><br />โดยปกติแล้วบอร์(บัวร์)<strong>ทุกสายพันธุ์ จะต้องมีขนเป็นมัน หัวและคอมีขนสีน้ำตาลแดง ลำตัวขนสีขาว </strong>เท่าที่พบก็จะมี <strong>สายพันธุ์ขนสั้น</strong>, <strong>สายพันธุ์ขนยาว</strong>, <strong>สายพันธุ์มีเขา</strong>, และบางท่านบอกว่าสายพันธุ์ไม่มีเขาอีกหนึ่ง (ซึ่งข้อนี้ขอสงวนสิทธิ์เอาไว้ก่อนว่าจะหาข้อมูลเพิ่มเติม ละไว้ในฐานยังไม่แน่ใจว่าจะเชื่อก็แล้วกัน แต่ก็ขอเล่าสู่กันไว้)<br /><br /><strong>รูปร่าง โครงสร้างใหญ่และน้ำหนักตัวดี</strong> โดยตัวผู้โตเต็มวัยหนักประมาณ 90 กิโลกรัม ตัวเมีย หนักประมาณ 65 กิโลกรัม น้ำหนักแรกคลอด ประมาณ 4 กิโลกรัม<br /><br /><strong>หัวโหนก หน้างอก, จมูกโด่งและงุ้ม, มีเขาห้อยลงแล้วโค้งไปทางหู</strong>, เหล่านี้คือลักษณะเด่นหลักๆ ในการพิจารณาลักษณะภายนอกด้วยสายตาของแพะพันธุ์บอร์ อย่างไรเสีย<strong>ใบรับรองพันธุ์ประวัติ</strong>และหนังสือ<strong>พาสปอร์ตแพะ</strong>ย่อมเป็นสิ่งยืนยันประกอบได้ดีกว่า<br /><br />สำหรับประเทศไทยมีผู้นำเข้าทั้งส่วนราชการและภาคเอกชน ก็ลองซื้อหามาครอบครองเป็นเจ้าของกันได้ ยังไงๆ ก็ขอให้ได้<strong>บอร์พันธุ์แท้</strong>(บริสุทธิ์) ก็แล้วกัน จะได้อวดเพื่อนๆ ได้ว่าเราก็มี <strong>"ราชาแห่งแพะเนื้อ "</strong> กับเขาเหมือนกัน ขออย่าได้เป็นเช่นหลายๆ คนที่ได้<strong>บอร์ร้อยมา </strong>ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจชัดนักว่า ได้บอร์ร้อยมา แปลว่าอะไร <br /><br />ภาพจาก <a href="http://www.linorulli.com/random-linothegoat2.htm">Lino Rulli</a>และ <a href="http://www.boer-show-goats.com/default.cfm">boer-show-goats</a>และ <a href="http://ag.ansc.purdue.edu/sheep/ansc442/Semprojs/2006/meatgoat/selection.htm">the 4-H Meat Goat</a> <br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com4tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-15031914645573848502007-09-17T17:39:00.000+07:002008-12-11T20:13:02.744+07:00พยาธิ ศัตรูร้าย ผู้ไม่เคยญาติดีกับแพะตัวใด<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh5t5eDV-A6fXYQbgzza59YO2w2OYEx2dBNS_BJ3ujyYChrJry-AREtxQ70YtlkK8GrB1qzZR_M3QQM8KmVbapMgL4FhExjBljhHLZQYJbSDNDqXuk17e-VraWg4pGGaLtkQxhyT5OuOcQ/s1600-h/parasite.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh5t5eDV-A6fXYQbgzza59YO2w2OYEx2dBNS_BJ3ujyYChrJry-AREtxQ70YtlkK8GrB1qzZR_M3QQM8KmVbapMgL4FhExjBljhHLZQYJbSDNDqXuk17e-VraWg4pGGaLtkQxhyT5OuOcQ/s200/parasite.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5111047111951936274" /></a><br /><strong>พยาธิ คือ ใคร</strong><br /><br /><strong>พยาธิ ๑ [พะยาทิ]</strong> น. ความเจ็บไข้ เช่น โรคาพยาธิ ชาติชราพยาธิ. (ป. พฺยาธิ, วฺยาธิ; ส. วฺยาธิ). <br /><br /><strong>พยาธิ ๒ [พะยาด]</strong>. น. ชื่อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังซึ่งอย่างน้อยในระยะหนึ่งของ ชีวิตจะเป็นปรสิตอยู่ในมนุษย์และสัตว์ ชนิดตัวแบน เช่น พยาธิใบไม้ พยาธิตัวตืด ชนิดตัวกลมหรือหนอนพยาธิ เช่น พยาธิไส้เดือน พยาธิ เส้นด้าย พยาธิแส้ม้า <br /><span id="fullpost"><br /><br /><strong>ปรสิต, ปรสิต- [ปะระสิด, ปะระสิดตะ-]</strong> น. (แพทย์) สัตว์พวกพยาธิที่อาศัยอยู่ใน มนุษย์และสัตว์; (เกษตร) ตัวเบียน เช่น กาฝาก. (อ. parasite). <br /> <br />ข้างต้นนี้เป็นความหมายของคำว่า <strong>พยาธิ</strong> ตามพจนานุกรมไทย ฉบับราชบัญฑิต<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgLxje2NBjusVuQ2J_ecNGdnJBzkFngEbJPEUBrbSD-4UI-QRSg1X9dP08jr1QxSgD5OZ4UxZ8ppWfnzNdeCCdOASYDs8aJPAVHpwWDFGspiOnIu7pLYFLrgcaCPUSslxe0GkXNlf9aEiI/s1600-h/fecalworkshop.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgLxje2NBjusVuQ2J_ecNGdnJBzkFngEbJPEUBrbSD-4UI-QRSg1X9dP08jr1QxSgD5OZ4UxZ8ppWfnzNdeCCdOASYDs8aJPAVHpwWDFGspiOnIu7pLYFLrgcaCPUSslxe0GkXNlf9aEiI/s200/fecalworkshop.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5111046356037692162" /></a><br />ดังนั้น <strong>พยาธิ</strong> จึงเป็นสิ่งมีชีวิตประเภท <strong>ปรสิต</strong> ซึ่งดำรงชีวิตอยู่ได้โดยการแย่งและดูดซึมสารอาหาร และสืบพันธุ์ในร่างกายของคนและสัตว์ ที่มันอาศัยอยู่ พูดง่ายๆ ก็คือนอกจะจะขออาศัยแล้วยังเบียดเบียนอาหารและทำร้ายผู้ที่ให้อาศัยอีกต่างหาก บางชนิดก็ก่อให้เกิดอาการทรุดโทรม อ่อนแอ หรือในรายที่รุนแรงก็ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ถ้าไม่ได้รับการรักษา <br /><br /><strong>พยาธินั้นสำคัญต่อแพะไฉน</strong><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiCoQW_V0V49Vw6JRjFfYU7aIpVAqjSHU6S4o2Aa8Y2HlL-RHQvRz9y4AIPq3yLmr42hjpbWVt7_0z9z0oY-wFzObpxZjPcLMeTSTQ9s5wW8UA7CMhLoOdgweqDk_kCAZVjPED3kxlVxVY/s1600-h/CALFF1BQ.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiCoQW_V0V49Vw6JRjFfYU7aIpVAqjSHU6S4o2Aa8Y2HlL-RHQvRz9y4AIPq3yLmr42hjpbWVt7_0z9z0oY-wFzObpxZjPcLMeTSTQ9s5wW8UA7CMhLoOdgweqDk_kCAZVjPED3kxlVxVY/s200/CALFF1BQ.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5111083524684671778" /></a><br /><br />พยาธิมีความสำคัญต่อการเลี้ยงแพะมากทีเดียว เพราะถ้าเราเลี้ยงแพะที่เป็นพยาธิมากๆ แต่รอดตายมาได้ ก็มีลักษณะแคระแกร็นเลี้ยงไม่โต สิ้นเปลื่องอาหาร <strong>กินเข้าไปเท่าไรพยาธิก็แย่งกินไปหมด และเสียเวลาเลี้ยงดูโดยเปล่าประโยชน์ </strong>การเลี้ยงแพะจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ ได้กำไรหรือขาดทุน ปัญหาเรื่องพยาธิก็มีส่วนทำให้หลายๆ ท่านเลิกเลี้ยงแพะไปเลยก็มี เพราะไม่รู้จะรับมือกับพยาธิอย่างไร ไม่รู้ ดูไม่ออกว่า แพะเป็นพยาธิหรือไม่<br /><br /><strong>จะรู้ได้อย่างไรว่าแพะเป็นพยาธิแล้ว</strong><br /><br />สำหรับมือใหม่แล้วไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คนนั้นว่าอย่างนั้น อีกคนว่าอย่างนี้ แถมตนเองก็ไม่เคยมีใครชี้แนะต่อหน้าแพะซักที จึงได้แต่ลองผิดลองถูกไปเรื่อย ซึ่งหลายๆ ครั้ง และหลายๆ คน รู้สึกว่ามันแพงไปสำหรับการลงทุนทดลองวิชาแบบนี้ เพราะกว่าจะพอรู้บ้างว่าแพะเป็นพยาธิก็หมดแพะไปหลายตัว แล้วจะมีหลักการอย่างไรในการตรวจวินิจฉัยว่าแพะเป็นพยาธิ เรื่องนี้ตำราบอกว่ามีวิธีดังนี้<br /><br />1. <strong>การตรวจวินิจฉัยเบี้องต้นด้วยตนเอง</strong> โดยใช้แผ่นตรวจซีด เพื่อพิสูจน์ทราบว่าแพะเป็นโรคโลหิตจางหรือไม่ โดยการเทียบดูตามเนื้อเยื่อบุตา เหงือก อวัยวะเพศ หรือทวาร ถ้าสีชมพูสดใสหรือออกส้มๆ ละก็นับว่าเป็นปกติดี ถ้าซีดขาว ละก็แสดงว่า จาง ถ้าแพะแสดงอาการว่าเป็นโรคโลหิตจางอย่างรุนแรง ให้สันนิฐานว่ามีพวกพยาธิดูดเลือดสิงอยู่มาก ถ้าอาการรุนแรงอาจมีอาการบวมน้ำที่ใต้คางให้ได้เห็น<br /><br /><strong>แต่ที่เห็นได้เด่นชัด ก็พวกเบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซูบผอม ท้องเสีย อ่อนเพลีย ขนและผิวหนังหยาบกร้าน ในรายที่เป็นพยาธิตัวตืดก็จะพบปล้องของพยาธิมีสีขาวขาดหลุดปนออกมากับขี่แพะที่ถ่ายอกกมาใหม่ๆ </strong><br /><br />2. <strong>โดยการตรวจขี้แพะ</strong> เป็นขี้แพะที่ล้วงออกมาจากท้องแพะหรือขี้แพะที่ถ่ายอกกมาใหม่ๆ แล้วนำไปเข้าห้องปฎิบัติการ ส่องดูด้วยกล้องจุลทัศน์ เพื่อตรวจดูและนับไข่พยาธิ ต้องวินิจฉัยโดยสัตวแพทย์ ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่สะดวกนักสำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะทั่วไป<br /><br />3. <strong>โดยการผ่าซาก</strong> วิธีนี้ก็ให้เป็นวิธีของคุณหมอก็แล้วกัน <br /><br /><strong>ดังนั้นวิธีที่ดี ก็คือการป้องกันและควบคุมพยาธิให้มีโอกาสระบาดได้น้อยที่สุด ด้วยการจัดการที่พยายามลดโอกาสของการติดพยาธิให้ได้มากที่สุด อนุญาตให้แพะติดพยาธิได้แค่พอหอมปากหอมคอ จะได้เป็นยาสร้างภูมิคุ้มกันโรคพยาธิให้กับแพะ</strong><br /><br />ภาพจาก <a href="http://mdsheepgoat.blogspot.com/search/label/parasites">Shepherd's Notebook </a><br /><a href="http://www.allnaturalcleanse.com/infected.html">allnaturalcleanse.com</a><br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-38821556128750328722007-09-17T12:43:00.000+07:002008-12-11T20:13:03.076+07:00พยาธิตัวกลมในแพะ (Roundworm)<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhyE3xDMkUhDVPMWjezrtAShMQMTH54w6tJi-GPHmroBFSe2RH4l4IWRx5BAGOyQn2DCBFQ-Kw0lbEpHYE4-uX81iBfp9pjPQvaHGDMsBBL1dVgYPFtFqtDTYOSJcaIfPT6LoiKc0HwFKk/s1600-h/1.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhyE3xDMkUhDVPMWjezrtAShMQMTH54w6tJi-GPHmroBFSe2RH4l4IWRx5BAGOyQn2DCBFQ-Kw0lbEpHYE4-uX81iBfp9pjPQvaHGDMsBBL1dVgYPFtFqtDTYOSJcaIfPT6LoiKc0HwFKk/s200/1.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5110296575006894786" /></a><br />พยาธิตัวกลม ก็คือ พยาธิตัวกลมๆ มีขนาดแตกต่างกันมาก ทั้งเล็กและใหญ่<strong> พยาธิพวกนี้ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในกระเพาะแท้ ลำใส้ใหญ่ ลำใส้เล็ก แต่ละชนิดอาศัยอยู่เฉพาะที่</strong> พยาธิชนิดนี้จะคอยดูดเลือดและแย่งอาหารจากแพะ ทำให้แพะเป็นโรคโลหิตจาง ผอมอ่อนแอ ขนร่่วง อุจจาระร่วง และอาจตายได้ถ้าเป็นขั้นรุนแรง<br /><span id="fullpost"><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjj0GRbKgauU8AONK0HcP0tVKGeP61eG7Yb03VvgdekiDOaRhQ0ZqxcezxDKS5A9ihS7wr1_r-ZByiVHs_7st7nonrA1y3TNKmmC6J817w8Uf1tLC33N6t9gkkKJGcaQYfOsbSNBPBive0/s1600-h/Haemonchus_contortus_L3.jpg"><img style="float:right; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjj0GRbKgauU8AONK0HcP0tVKGeP61eG7Yb03VvgdekiDOaRhQ0ZqxcezxDKS5A9ihS7wr1_r-ZByiVHs_7st7nonrA1y3TNKmmC6J817w8Uf1tLC33N6t9gkkKJGcaQYfOsbSNBPBive0/s200/Haemonchus_contortus_L3.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5111015389323487954" /></a><br />พยาธิตัวกลมที่พบบ่อยและสำคัญ ได้แก่<br />1. <strong>พวกที่อาศัยอยู่ในกระเพาะ</strong> รูปร่างเหมือนสัญลักษณ์ร้านตัดผม ฝรั่ง(คน)เรียกมันว่าอีช่างตัดผม Barber's pole worm คนไทย (คุณหมอพรหล้า)เรียกมันว่าอีมังดุด หรือฮีมังคุด(Haemonchus contortus)เป็นพยาธิที่มีความสามารถในการทำลายล้างสูง ประสิทธิภาพในการระบาดเป็นเลิศ และทำให้แพะตายได้เป็นยอด<br /> <br />2. <strong>พวกที่อาศัยอยู่ในลำใส้</strong> ได้แก่พยาธิปากขอ และพยาธิเม็ดตุ่ม พวกนี้จะดูดเลือดจากผนังลำใส้กิน เมื่อมันกินอิ่มแล้วก็ทิ้งร่องรอยแผลเอาไว้ให้เลือดไหลทิ้งไหลขว้าง ส่วนเจ้าพวกเม็ดตุ่มนอกจากเจาะกินเลือดแล้ว ยังเจาะฝังตัวอยู่ภายในผนังลำใส้ด้วย ทำให้แพะแสดงอาการท้องเสียอีกด้วย<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgbCltZOaWvqokvZyXHXJXe7_QrKK7AHZF4f6_Q22FUbf4l2sBm_OaRbLGmMbx7xMLKl181PWPshD_-DPgc3wp7ASf4LNHwY1WIJhhEcCaje1jpyUB9_mhyK_056u_sTRz2pYsyaLTAW3g/s1600-h/Albendazole_Bolus.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgbCltZOaWvqokvZyXHXJXe7_QrKK7AHZF4f6_Q22FUbf4l2sBm_OaRbLGmMbx7xMLKl181PWPshD_-DPgc3wp7ASf4LNHwY1WIJhhEcCaje1jpyUB9_mhyK_056u_sTRz2pYsyaLTAW3g/s200/Albendazole_Bolus.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5111016656338840290" /></a><br /><strong>การรักษา</strong><br />หลังจากพิสูจน์ทราบแล้วว่าแพะเป็นโรคพยาธิตัวกลม ก็ต้องทำรักษาซึ่งไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดแต่ก็ต้องทำ ได้แก่การถ่ายพยาธิ ซึ่งยาถ่ายพยาธิมีทั้งประเภท ฉีด และ กิน (กรอกปาก)<br />** เน้นย้ำ** <strong>โปรดอ่านฉลากยาอย่างละเอียดก่อนใช้ยาทุกครั้ง </strong>(ในกรณีที่ต้องเป็นหมอจำเป็นต้องทำการเอง)ยาถ่ายพยาธิตัวกลมในท้องตลาดนั้นมีหลายตัว (ชื่อยา) หลายยี่ห้อ (ชื่อการค้า)หลายโรงงาน เช่น ไบเออร์ เมอร์ค เชร์ริง เมอร์เรียล ฟิชเซอร์ ฯลฯ <br /><br /><strong>ยาถ่ายพยาธิตัวกลม</strong>ที่มีขายปัจจุบันได้แก่<br /><strong>ไทอาเบนดาโซล</strong> (Thiabendazole)ตัวอย่างชื่อการค้าได้แก่ ไทเบนดาโซน<br /><strong>เลวามิโซล </strong>(Levamisole)ตัวอย่างชื่อการค้าได้แก่ คอนคูราท ซิตาริน แอล<br /><strong>เมเบนดาโซล </strong>(Mebendazole)ชื่อการค้าได้แก่ เทลมิน<br /><strong>อัลเบนดาโซล</strong>(Albendazole)ชื่อการค้า เช่น อัลเบน<br /><strong>เฟนเบนดาโซล</strong>(Fenbendazole)ชื่อการค้าได้แก่ พานาคูร์<br /><strong>ไอเวอร์เมกติน</strong>(Ivermectin)ชื่อการค้าเช่น ไอเวอร์เมก<br /><br />ใครเป็นแฟนประจำของใคร ก็เลือกใช้กันเอาเอง แต่อย่าใช้ยาซ้ำขนานเป็นเวลานานจนเกินไป เพราะอาจทำให้พยาธิดื้อยา และเราต้องมาเสียค่าโง่ จ่ายค่ายาอยู่ได้โดยที่ยาไม่สามารถถ่ายพยาธิได้ แถมยังทำให้พยาธิได้ใจกันยกใหญ่<br /><br />ภาพจาก <a href="http://news.bbc.co.uk/1/shared/spl/hi/pop_ups/06/sci_nat_enl_1156415455/html/1.stm">BBC NEWS</a><br /><a href="http://www.fao.org/ag/againfo/resources/documents/Parasitology/RuminantL3/Haemonchus.htm">FAO</a><br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com3tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-62657717381310899252007-09-14T18:05:00.000+07:002008-12-11T20:13:03.236+07:00พยาธิตัวตืดหรือตัวแบน (Tapeworm)<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjPEcRgplLnW-fZ8myv8SJwxfE6JNUu6MblxAagtfvzuMJ5MUQXRY_LE-WX9yIyKYHf_fWH7nhDE4G8sN2z2qxyNRAbIpShQpESxTcRDnbDUai9fChp8EfDyig-Ejn7hMYDUx3bMBzcx7I/s1600-h/tapeworm.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjPEcRgplLnW-fZ8myv8SJwxfE6JNUu6MblxAagtfvzuMJ5MUQXRY_LE-WX9yIyKYHf_fWH7nhDE4G8sN2z2qxyNRAbIpShQpESxTcRDnbDUai9fChp8EfDyig-Ejn7hMYDUx3bMBzcx7I/s200/tapeworm.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5109945092063259314" /></a><br /><strong>ลักษณะของพยาธิ</strong> ลำตัวเป็นปล้องๆ มีลักษณะแบนและยาวมองดูคล้ายบะหมี่ขดตัวไปมา บางตัวอาจยาวถึง 4-6 เมตร มีส่วนกว้างที่สุดประมาณ 1.2-1.6 เซนติเมตร สามารถงอกและแบ่งตัวเป็นปล้องใหม่ได้เรื่อยๆ เพื่อชดเชยปล้องตอนท้ายที่ต้องหลุดไป หรือบ่อยครั้งก็หลุดออกไปยาวเป็นไม้บรรทัดได้เหมือนกัน<span id="fullpost"><br />อาศัยอยู่ในลำใส้เล็ก มักไม่ค่อยเป็นปัญหากับแพะโต แต่มักจะเป็นปัญหากับแพะที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือน เพราะสามารถติดพยาธินี้ได้ง่ายและมักมีอาการรุนแรงกว่าแพะโต เช่น ผอมซูบ น้ำหนักลด การเจริญเติบโตหยุดชะงัก และมีภูมิต้านทานโรคน้อยลง ถ้าป็นมากอาจทำให้ลูกแพะตายได้<br /><br /><strong>หลักปฎิบัติเกี่ยวกับการรักษาโรคพยาธิตัวตืด</strong><br />เมื่อตรวจและวินิจฉัยพบว่า แพะ เป็นพยาธิตัวตืด ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้<br /><br />1. ถ่ายพยาธิตัวตืดด้วยยาที่มีประสิทธิภาพทำลายสูงสุดและปลอดภัยต่อชีวิตโดยทันที<br />2. ก่อนถ่ายพยาธิตัวตืด ต้องงดให้อาหารอย่างน้อย 15 ชั่วโมง<br />3. ต้องขังแพะไว้ในคอกอย่างน้อย 24 ชั่วโมง<br />4. กำจัดตัวไมท์ที่เป็นพาหะของพยาธิตัวตืด ตามหญ้า วัสดุรองพื้นคอก และโรงเรือน<br />5. ย้ายแพะจากแปลงหญ้าเดิมที่เป็นแหล่งพยาธิระบาดไปเลี้ยงที่แปลงอื่น<br /><br /><strong>ยาถ่ายพยาธิตัวตืด</strong><br />การรักษาจะใช้ยาถ่ายพยาธิตัวตืด ที่มีประสิทธิภาพทำลายพยาธิสูง ปัจจุบันมีจำหน่ายหลายตัว เช่น<br /><br /><strong>นิโคลซาไมด์ (Niclosamide)</strong>ชื่อการค้า <br />โยเมซาน (Yomesan)เป็นผลิตภัณฑ์ของไบเออร์ (Bayer)ราคาค่อนข้างแพงแต่ให้ผลดีและมีความปลอดภัย<br />แมนโซนิล (Mansonil)เป็นผลิตภัณฑ์ของไบเออร์ (Bayer)<br />ดรอนชิต เป็นผลิตภัณฑ์ของไบเออร์ (Bayer)<br /><br />นอกจากนี้ยังมีขายตามท้องตลาดอีกมาก หลายยี่ห้อ เชิญเลือกซื้อได้ตามสะดวก อย่าลืมว่าสุขภาพสัตว์ ก็คือสุขภาพกระเป๋าของเรา เอาดวงใจของเขา มาใส่ใจของเรา เขาจะทุกข์เพียงไหน เราก็เดือดร้อนเพียงนั้น อย่าลืม ทำตัวให้ว่าง หมั่นตรวจสอบขี้แพะดูว่ามีปล้องๆ หลุดปนออกมาขณะแพะขี้หรือเปล่า ขอให้โชคดีทุกๆ ท่านครับ<br /><br />ภาพจาก <a href="http://mdsheepgoat.blogspot.com/search/label/parasites">Shepherd's Notebook </a><br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-80313953028642364782007-09-14T10:12:00.000+07:002008-12-11T20:13:03.833+07:00พฤติกรรมการสืบพันธุ์ของแพะ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhu_sALVKutL7PGsy3SivOUABH66ptvxNSi7o2396CN8a3uFnKU9w1q4mfn95QzboiQh1eO2bDYBnpdm2yyjnbFisZEan-F_A2pjEHsDJ8bXkFo86jZrP3NDYY-2S9x6_GpNI3_MYYbYdY/s1600-h/Fuck.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhu_sALVKutL7PGsy3SivOUABH66ptvxNSi7o2396CN8a3uFnKU9w1q4mfn95QzboiQh1eO2bDYBnpdm2yyjnbFisZEan-F_A2pjEHsDJ8bXkFo86jZrP3NDYY-2S9x6_GpNI3_MYYbYdY/s200/Fuck.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5109564180003711586" /></a><br /><strong>แพะ เป็นสัตว์ที่มีวัยเป็นหนุ่มสาวไว แพะตัวเมียจะเริ่มเป็นสาวเมื่ออายุ 3-4 เดือน ตัวผู้ จะแตกเนื้อหนุ่มเมื่ออายุ 4-5 เดือน</strong> เมื่อใกล้ฤดูผสมพันธุ์ แพะตัวผู้จะดึงดูดความสนใจจากตัวเมียโดยการพยายามเบ่งปัสสาวะพ่นไปตามตัว<br /><span id="fullpost"><br />บริเวณเครา หน้าอก และหน้าท้อง เพื่อเป็นการส่งกลิ่นล่อตัวเมียให้เข้ามาใกล้ และก็มักได้ผลด้วยซิเพราะตัวเมียก็จะเข้ามาแสดงความสนิทสนมใกล้ๆ นอกจากนี้ต่อมกลิ่นบริเวณโคนเขาของตัวผู้ก็จะทำหน้าที่ปล่อยกลิ่นร่วมด้วยช่วยกันอีกแรง<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhNypmOCwsPdiRU1DuhJI-slHBPS-6SWY3rZ7vZkxGoZ9Rd8HtmdD5Cmm8ADJEr3ENd_TDgEBjfBz538Bsf6PKvRVdjOWi5faHbSoyMR7C-3kR0W7y3Q1_61V8WYuoN5zWOEOddwNffb5A/s1600-h/HPIM3520.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhNypmOCwsPdiRU1DuhJI-slHBPS-6SWY3rZ7vZkxGoZ9Rd8HtmdD5Cmm8ADJEr3ENd_TDgEBjfBz538Bsf6PKvRVdjOWi5faHbSoyMR7C-3kR0W7y3Q1_61V8WYuoN5zWOEOddwNffb5A/s200/HPIM3520.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5109598775965280914" /></a><br />เราในฐานะผู้รับผิดชอบเลี้ยงดู ไม่ควรปล่อยโอกาสให้แพะในวัยแรกรุ่นนี้มีโอกาสได้เสียกันในวัยนี้ เพราะจะเป็นผลเสียต่อสุขภาพของแพะเป็นอย่างยิ่ง เช่น ร่างกายจะหยุดการเจริญเติบโต ทำให้แคระแกร็น ร่างกายจะเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ และอาจมีปัญหาการคลอดยากตามมาอีกด้วย<br /><br />ถ้าหากท้องก่อนวัยอันสมควรแล้วก็จะทำให้ร่างกายต้องเสียโอกาสในการเจริญเติบโต เพราะอาหารที่กินเข้าไปแทนที่จะนำไปใช้เพื่อการเจริญเติบโตของตนเองเพียงอย่างเดียว แต่กลับต้องแบ่งไปเลี้ยงบำรุงลูกในท้อง และสร้างน้ำนมเอาไว้เลี้ยงลูก<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjqo_hX6RUPGNYTGE-mRkjzshtHoeumwdkxcApFBxH_760Ja5I0NWKgjpnU-HPLV-Hf5kp4SlN11ngl-_Ol3f5hF5mBtMk7iA0ER79qL8Z7YFuSh0XG_f1frhSqMzT3ccNE0f_MXzCzvHQ/s1600-h/fu1+copy.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjqo_hX6RUPGNYTGE-mRkjzshtHoeumwdkxcApFBxH_760Ja5I0NWKgjpnU-HPLV-Hf5kp4SlN11ngl-_Ol3f5hF5mBtMk7iA0ER79qL8Z7YFuSh0XG_f1frhSqMzT3ccNE0f_MXzCzvHQ/s200/fu1+copy.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5109588867475729010" /></a><br /><br />ดังนั้นผู้ปกครอง ควรแยกโรงเรียนผู้ และโรงเรียนเมีย เมื่อวัยอันควรแยก แล้วค่อยเปิดโอกาสให้พบกันเมื่อมีอายุประมาณ 10 เดือนไปแล้ว<br /><br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-30897483860115865202007-09-12T11:26:00.000+07:002008-12-11T20:13:04.060+07:00พฤติกรรมของสัตว์เลี้ยง<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgWyWcIksvH4CBhBmratLSB4iTV5VzABzooMhYO82bEJzQ703aMhcaBxp7b56kKxaVE1GJMtpbVmJ323-uNwNMjIkjQxd24cZufStaPD_2KSYYKt1XdWoMWFkPa6fx-iCSMTX0FO9Q-uUk/s1600-h/nitiwat2.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgWyWcIksvH4CBhBmratLSB4iTV5VzABzooMhYO82bEJzQ703aMhcaBxp7b56kKxaVE1GJMtpbVmJ323-uNwNMjIkjQxd24cZufStaPD_2KSYYKt1XdWoMWFkPa6fx-iCSMTX0FO9Q-uUk/s200/nitiwat2.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5109157154543004242" /></a><br />มีคนมาสะกิดบอกว่าช่วยขยายความให้มากกว่านี้หน่อย อ่านแล้วขี้เกียจตีความ และก็ไม่อยากไปค้นข้อมูลเพิ่มเติม ไหนๆ ก็เข้ามาอ่านแล้ว ก็ให้มันจบและเข้าใจตรงนี้เลย<br /><br />แป๋ว ว ว ว แสดงว่ามีคนว่าข้าน้อยพูดแล้วเข้าใจยากอีกคนแล้ว ก็ขอแก้ตัวหน่อยก็แล้วกันว่า อันที่จริงแล้วอยากจะเขียนยาวๆ แต่คิดเอาเองว่า คนไทยส่วนมากยังไม่ค่อยชอบอ่านอะไรที่มันมีเนื้อหายาวๆ ก็เลยพยายามจะสั้นเข้าไว้<br /><span id="fullpost"><br />พฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงที่จะกล่าวต่อไปนี้ก็ขอขยายความต่อ โดยนำข้อมูลจากแหล่งข้อมูลเดิมก็แล้วกันเพราะสั้นและเข้าใจง่ายซึ่งจัดทำโดย <a href="http://www.sut.ac.th/e-texts/Agri/BEHAVIOR/33method.html">สาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตสัตว์ สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี</a> ในหัวข้อ พฤติกรรมของสัตว์ที่เหมาะสมต่อการเป็นสัตว์เลี้ยง เนื้อหาไม่ขอเปลี่ยนแปลงและขอนำมาถ่ายทอดต่อทั้งดุ้นอีกเช่นเคย ซึ่งมีรายละเอียดต่อไปนี้<br /><br />1. สามารถอาศัยรวมกันเป็นฝูง หรือกลุ่มสังคมได้ ทั้งนี้เพื่อประหยัดพื้นที่โรงเรือนและอุปกรณ์ในการเลี้ยงดู เช่น วัว ควาย แพะ แกะ เป็ด ไก่ เป็นต้น<br /><br />2. มีการจัดอันดับทางสังคม (Social order) และอันดับทางสังคมของสัตว์แต่ละตัวค่อนข้างคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ การจัดอันดับทางสังคมในฝูงสัตว์ทำให้ลดการต่อสู้แก่งแย่งกันระหว่างสัตว์ในฝูง ถ้าท่านเป็นคนช่างสังเกต หรือชอบดูสารคดีก็จะพบว่า สัตว์จะมีจ่าฝูงอยู่หนึ่งตัวเสมอในแต่ละฝูง ทำให้ง่ายต่อการดูแลและไล่ต้อน เพราะเวลาไปไหนเขาก็จะยกฝูงไปกันเป็นขบวน<br /><br />3. สามารถผสมพันธุ์กันได้โดยไม่เลือกคู่ผสม และตัวผู้สามารถผสมกับตัวเมียได้หลายตัว (Polygenous) เพื่อเป็นการประหยัดไม่ต้องเลี้ยงตัวผู้ไว้เป็นจำนวนมาก และเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการจัดระบบการผสมพันธุ์และการปรับปรุงพันธุ์ อันนี้ชัดเจนว่า เพื่อการดำรงเผ่าพันธุ์โดยไม่มีที่สุด และขยายเผ่าพันธุ์รวดเร็ว<br /><br />4. ตัวผู้มีลักษณะต่างๆ แตกต่างจากตัวเมียอย่างเห็นได้ชัด มีขนาดใหญ่กว่า มีหงอนโต กว่า หรือมีอาวุธต่างๆ เช่น เขา งา หรือเดือย เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ทำให้ตัวผู้มีอันดับทางสังคมสูงกว่าตัวเมีย อันเป็นผลเพื่ออำนวยต่อการผสมพันธุ์แบบคุมฝูง<br /><br />5. ลูกสัตว์มีการพัฒนาการต่างๆ อย่างสมบูรณ์เมื่อคลอด (Precocial development at birth) ทำให้สามารถเลี้ยงตัวเองได้อย่างรวดเร็วหลังคลอด เพื่อให้แม่สัตว์เป็นอิสระจากการเลี้ยงลูกได้เร็ว และพ่อสัตว์ไม่มีส่วนในการเลี้ยงลูก นอกจากนี้การที่ลูกสัตว์มีการพัฒนาการด้านต่างๆ ดี ทำให้มนุษย์สามารถเข้าจัดการดูแลแทนแม่สัตว์ได้ เช่น เมื่อคลอดออกมาต้องเดินได้โดยเร็ว ไปหานมแม่กินเองได้ หรือกินอาหารเองได้หลังคลอดในไม่ช้า<br /><br />6. แม่สัตว์ยอมรับเลี้ยงลูกของตัวอื่นได้ง่าย พฤติกรรมนี้ทำให้การจัดการดูแลสัตว์สะดวกขึ้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแม่สัตว์ตายหรือไม่มีนมให้ลูกกินหลังคลอด ทำให้เราสามารถฝากลูกเลี้ยงได้เมื่อมีเหตุจำเป็น เช่นแพะมีลูกแฝด 3 หรือแฝด 4 สามารถฝากแม่ลูกเดี่ยวเลี้ยงได้<br /><br />7. เป็นสัตว์ประเภทกินพืชเป็นอาหาร (Herbivore) หรือกินได้ทั้งพืชและเนื้อเป็นอาหาร (Omnivore) ทั้งนี้เพื่อให้สามารถใช้อาหารที่มนุษย์ไม่สามารถกินได้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด และไม่เป็นการแย่งอาหารของมนุษย์ด้วย<br /><br />8. มีความสมารถสูงในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพแวดล้อมต่างๆ และระบบการเลี้ยงดูของมนุษย์ ข้อนี้ก็สำคัญไม่น้อย เพราะถ้าไม่สามารถปรับตัวได้ หรือปรับตัวไม่ทัน ความเสียหายย่อมเกิดขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะถ้าเราเลี้ยงสัตว์ในรูปแบบของการทำธุรกิจยิ่งต้องคำนึงให้มากๆ<br /><br />หวังว่าท่านที่อุตส่าห์ตามอ่านมาถึงตรงนี้คงพอจะเข้าใจบ้าง ถ้าไม่เข้าใจ หรือเข้าใจดีกว่านี้ ก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเข้ามาได้ครับ<br /><br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-69412029454699825472007-09-11T14:32:00.000+07:002008-12-11T20:13:04.304+07:00เรียนรู้พฤติกรรมของแพะ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiEGmneHS79m2JW2xxqtqbzNktIbUcnS2GDlaJOlgDkaU2QvyXpKn5maV7RlkbJe3MRKswX3BVxSG7fFkAj6l6E2YdNub3GDScHIWGyeRgmhRz24nCZ74lt6s-uS26P6D1uFwT50PAkl3c/s1600-h/1puu_kitsed_3865.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiEGmneHS79m2JW2xxqtqbzNktIbUcnS2GDlaJOlgDkaU2QvyXpKn5maV7RlkbJe3MRKswX3BVxSG7fFkAj6l6E2YdNub3GDScHIWGyeRgmhRz24nCZ74lt6s-uS26P6D1uFwT50PAkl3c/s320/1puu_kitsed_3865.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5108804927956658242" /></a><br /><br /><strong>พฤติกรรม</strong> คืออะไร สำคัญไฉน ทำไมเราถึงต้องเรียนรู้ รู้แล้วได้อะไร เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เดี๋ยวเราลองไปหาคำตอบกัน <br /><br />ตามหลักฐานอ้างอิงแบบไทยๆ ก็ต้องยึดตาม พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ บันทึกไว้ว่า <br /><span id="fullpost"><br /><strong>พฤติกรรม</strong> น. การกระทําหรืออาการที่แสดงออกทางกล้ามเนื้อ ความคิด และความรู้สึก เพื่อตอบ<strong>สนอง</strong>สิ่ง<strong>เร้า</strong>. <br /><br />เขียนสั้นๆ ได้ว่า <strong>พฤติกรรม คือ การกระทำเพื่อตอบสนองสิ่งเร้า</strong><br /><br />แล้วอย่างไรเรียกว่าตอบสนอง และอย่างไรเรียกว่าสิ่งเร้า<br /><br /><strong>สนอง</strong> [สะหฺนอง] ก. ทำตามที่ได้รับคำสั่งหรือคำขอร้องเป็นต้น เช่น สนองโครงการในพระราชดำริ สนองนโยบายของรัฐบาล; โต้ตอบ เช่นกรรมตามสนอง, ตอบรับการเสนอ เช่น เสนอขาย สนองซื้อ. (ข. สฺนง). <br /><br /><strong>เร้า</strong> ก. กระตุ้นเตือน เช่น เร้าอารมณ์; ปลุกใจ เช่น พูดเร้าใจ. ว. ที่กระตุ้น <br /> เตือน เช่น สิ่งเร้า. <br /><br />หวังว่าท่านคงจะสับสนกันพอสับควรแล้วกระมัง กับการใช้พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ในรูปแบบของชาวบ้านๆ อย่างผม<br /><br />เรามาว่ากันต่อในเรื่องการเรียนรู้พฤติกรรมของแพะกันต่อดีกว่า <strong>"การเรียนรู้พฤติกรรมของแพะอย่างถ่องแท้ จะเป็นแนวทางให้เราสามารถจัดการระบบต่างๆ ได้ถูกต้องตามความต้องการของแพะนั้นๆ เมื่อแพะมีอาการผิดปกติ เป็นสัญญาณบอกให้รู่ว่าแพะได้มีอาการป่วยไข้แล้ว จึงต้องดำเนินการป้องกันและรักษาโดยด่วน"</strong> (ปริศนา จิตต์ปรารพ,ต้นทุนและผลตอบแทนจากการเลี้ยงแพะนม ในฟาร์มขนาดใหญ่ กรณีศึกษา บริษัท สยามแผ่นดินทอง จำกัด) แล้วพฤติกรรมของแพะเลี้ยงจะเป็นอย่างไร<br /><br />แพะ จัดเป็นสัตว์เลี้ยงชินดหนึ่ง ดังนั้นพฤติกรรมหลักๆ ของสัตว์เลี้ยงย่อมไม่ต่างกันมากนัก เช่น <a href="http://www.sut.ac.th/e-texts/Agri/BEHAVIOR/3method.html">อาศัยรวมกันเป็นฝูงหรือกลุ่มสังคมได้ เพื่อประหยัดพื้นที่และอุปกรณ์การเลี้ยง มีการจัดอันดับทางสังคม ผสมพันธุ์ได้โดยไม่เลือกคู่ ตัวผู้มีลักษณะแตกต่างจากตัวเมียอย่างเห็นได้ชัด ลูกสัตว์มีการพัฒนาดีเมื่อคลอด แม่สัตว์ยอมรับเลี้ยงลูกตัวอื่นได้ง่าย เป็นสัตว์กินพืชหรือกินทั้งพืชและเนื้อ และสุดท้ายมีความสามารถสูงในการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม</a> <br /><br />"พฤติกรรมของสัตว์เลี้ยง (Ethlogy) เป็นศาสตร์สาขาหนึ่ง ซึ่งครอบคลุมถึงการแสดงอริยบทต่างๆ ของสัตว์มากมาย เช่น การหายใจ การกินอาหารและน้ำ การต่อสู้ การสืบพันธุ์ การให้น้ำนม เหล่านี้เป็นต้น" (น.สพ. ถวัลย์ วรรณกุล การเลี้ยงแพะและการป้องกันรักษาโรค)<br /><br /><strong>แพะเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องขนาดเล็กกินพืชเป็นอาหาร โดยเฉพาะแพะชอบกินใบไม้ พุ่มไม้ จะปีนป่ายและกินใบไม้และเปลือกไม้อ่อน แพะชอบออกหาอาหารกินเองมากกว่า ชอบกินใบไม้มากกว่าหญ้า เลือกกินอาหารที่อยู่สูงกว่าระดับพื้นดิน และไม่ชอบกินอาหารชนิดเดียวเป็นเวลานานๆ</strong><br /><br />นอกจากแพะจะปีนป่ายได้เก่งแล้ว ยังสามารถ มุด ลอด และกระโดดได้เก่งอีกด้วย แพะเป็นสัตว์ที่มีความอยากรู้อยากเห็น แม้กระทั่งเรื่องการกิน มีอะไรให้กินก็ต้องขอลองกินดูก่อน กินได้ไม่ได้อีกเรื่องหนึ่ง<br /><br /><strong>"ปริมาณที่แพะกินได้ 3-6% ของน้ำหนักตัว<br />แพะเลือกกินไม้พุ่ม 72 % หญ้า 28%<br />แพะจะเดินหากินอาหารได้ไกลถึงวันละ 6-8 กิโลเมตร<br />แพะถ้าเลี้ยงแบบขังจะกินน้ำวันละ 0.68 ลิตร/ตัว <br />ถ้าเลี้ยงแบบปล่อยแพะจะกินน้ำวันละ 2 ลิตร/ตัว<br />ใช้เวลากินอาหาร 30% เคี้ยวเอื้อง 12% <br />เดินทางหาอาหาร 12% และพักผ่อน 46%"</strong><br />(เอกชัย พฤกษ์อำไพ, คู่มือการเลี้ยงแพะ)<br /><br />ทั้งหมดเป็นพฤติกรรมทั่วๆ ไปและพฤติกรรมการกินอาหารของแพะ หวังว่าท่านคงพอจะรู้จักแพะได้ดีขึ้นระดับหนึ่งแล้วกระมัง<br /><br />ภาพจาก <a href="http://blog.moment.ee/2007/01/viljad-on-valminud-tree-goats.html">moment.ee</a><br /><br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com6tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-81279360338904459922007-09-07T15:49:00.000+07:002008-12-11T20:13:04.508+07:00"แพะพื้นเมือง Thai Native Goat" Here I am !<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjryntoTPEeX9j0wkNBVWhJRO3QDCc0imW5gMoNAvj2SLO5jLX1mMRbRPNsCHfDq0AWdvfry0HX2o7nTjog24ox3jd7fiSr-8i_qdd3tPmoVZdckpQLhrObZB8ImXjSj9zdW0ki3_s9ffc/s1600-h/nativegoat1+copy.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjryntoTPEeX9j0wkNBVWhJRO3QDCc0imW5gMoNAvj2SLO5jLX1mMRbRPNsCHfDq0AWdvfry0HX2o7nTjog24ox3jd7fiSr-8i_qdd3tPmoVZdckpQLhrObZB8ImXjSj9zdW0ki3_s9ffc/s200/nativegoat1+copy.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5107320054683215906" /></a><br /><br />วันนี้ขอจั่วหัวตามกระแสหน่อยก็แล้วกัน สำหรับท่านที่ดูข่าวทีวี หรืออ่านข่าวหนังสือพิมพ์คงจะเข้าใจว่าหมายถึงอะไร แต่สำหรับตรงนี้หมายถึง <strong>"แพะ"</strong> เท่านั้น <strong>ส่วนจะเป็นแพะของใคร แพะในประเทศหรือแพะต่างประเทศ </strong>และสีสันจะเป็นเช่นไร เดี๋ยวเรามาดูกัน<br /><span id="fullpost"><br />จั่วหัวเท่ ๆ ไปเช่นนั้นเอง อยากลองเกาะกระแสดูบ้าง ว่าจะโดนช็อตหรือเปล่า บางคนอ่านมาหลายตอนแล้วยังไม่รู้เลยว่า แพะพื้นบ้าน แพะพื้นเมืองนั้น หน้าตาเป็นอย่างไร จะดูได้จากตรงไหนบ้าง คือหมายถึงลักษณะ รูปร่าง ไม่ใช่ให้ไปดูที่ภาคใต้อะไรทำนองนั้น<br /><br /><a href="http://www.sru.ac.th/TRF/Documents/0077.pdf">ดร.วินัย ประลมพ์กาญจน์</a> ผู้เชี่ยวชาญด้านแพะอีกท่านหนึ่งของไทยท่านได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับแพะพื้นเมืองไทย (Thai Native Goat) อย่างจริงจังและสรุปไว้ว่า แพะพื้นเมืองที่เลี้ยงอยู่ในภาคใต้เป็นแพะเนื้อ มีลักษณะคล้ายคลึงกับแพะพันธุ์พื้นเมืองของประเทศมาเลเซีย และมีลักษณะสำคัญดังต่อไปนี้<br /><br /><strong>สี</strong> มากกว่า 60% สีดำ น้ำตาล หรือน้ำตาลสลับดำ ที่เหลืออาจจะมีสีขาวหรือเหลืองปนบ้าง<br /><strong>เขา</strong> มีเขาทั้งเพศผู้และเพศเมีย<br /><strong>ติ่งใต้คอ</strong> ที่พบติ่งใต้คอประมาณ 6%<br /><strong>หู</strong> ใบหูตั้ง<br /><strong>สัดส่วน และ ส่วนสูง </strong>เพศเมียเมือโตเต็มวัยมีความสูงระดับไหล่ (วัดจากพื้นที่แพะยืนถึงปุ่มที่หลังตรงตำแหน่งขาหน้า)41-57 เซนติเมตร โดยเฉลี่ย 48.5 เซนติเมตร มีความยาวรอบอกเฉลี่ย 59.6 เซนติเมตร น้ำหนักเฉลี่ย 16.4 กิโลกรัม เพศผู้ความสูงระดับไหล่ 46-68 เซนติเมตร<br /><br />หวังว่าท่านคงพอจะดูออกแล้วกระมังว่าแพะพื้นเมืองนั้นเป็นเช่นใด สำหรับผมแล้วเห็นว่า<strong>พลเมืองพื้นบ้านของเรามัก ตกเป็นแพะเสมอ</strong><br /><br />ขอขอบคุณภาพจาก<a href="http://www.isanfarm.com/inform/dldgoatbook.pdf">คู่มือเลี้ยงแพะ </a>ของ <a href="http://www.dld.go.th/">กรมปศุสัตว์</a></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-48580571839275783572007-09-06T14:59:00.000+07:002008-12-11T20:13:04.701+07:00FAMACHA© chart<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgSqDg601yiLB-i3rz1Hnnm6abUk1vtMrD-COPbL8VoNLdHBRvumZK7z_ncJCPugwNndwuHRPysZT3Fkx1PPHUjZSaPT9XRyWRr0rt8FTQSi6i-DGW1q5mR492fxSE71uJTyhlQ8KvxdcI/s1600-h/FAMCard.jpg"><img style="float:center; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgSqDg601yiLB-i3rz1Hnnm6abUk1vtMrD-COPbL8VoNLdHBRvumZK7z_ncJCPugwNndwuHRPysZT3Fkx1PPHUjZSaPT9XRyWRr0rt8FTQSi6i-DGW1q5mR492fxSE71uJTyhlQ8KvxdcI/s400/FAMCard.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5106985468140922866" /></a><br />FAMACHA© chart แผ่นตรวจเทียบสอบสุขภาพแพะด้วยตนเอง เป็นของฝรั่งเขา มีไว้สำหรับเทียบตรวจสอบสุขภาพแพะ ว่าเป็นโรคโลหิตจางหรือไม่ หรือว่าสุขภาพดีเยี่ยม (A)หรือว่าจะต้องตายอย่างแน่นอนในเร็ววัน (E)<br /><span id="fullpost"><br />หนึ่งในสาเหตุหลักของโรคโลหิตจาง ก็คงหนีไม่พ้น <strong>"พยาธิ"</strong> ดังนั้นเจ้าแผ่นอันนี้ก็ช่วยเราให้ทราบว่าสุขภาพแพะอยู่ระดับใดจะได้หาทางแก้ไขได้ทันเวลา และข้อมูลที่ได้มาส่วนมากสรุปได้ว่า <strong>แพะตายเพราะพยาธิมากกว่าตายจากโรคติดต่อ </strong>FAMACHA© chart แบบไทยๆ เราก็มีใช้เช่นกัน คุณหมอพรหล้าท่านทำแจกฟรี ๆ ๆ ๆ สำหรับใครที่เคยเข้ารับการให้ความรู้จากคุณหมอก็จะได้รับไปใช้คนละแผ่น ลองกลับไปอ่านดูเรื่อง แผ่นตรวจซีด อีกสักครั้งก็แล้วกัน<br />ภาพจาก <a href="http://mdsheepgoat.blogspot.com/search/label/parasites">Shepherd's Notebook </a><br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-74717538785498245842007-08-30T10:46:00.001+07:002008-12-11T20:13:04.883+07:00แพะพื้นเมือง Where are you?<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgpb9qoAA1mEkevN-vrZDh2GZaoq1uJxsb_lBjlJ7sSRHRT2WODwedd2xQecfZCgV0BKlsTmlfhIgv8zJ64f2OmqsW01yl26MjhB-otuP-4UQQWojoCwUqdi91VCdyrCDk7iF6ATWbz1lo/s1600-h/thaigoat1+copy.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgpb9qoAA1mEkevN-vrZDh2GZaoq1uJxsb_lBjlJ7sSRHRT2WODwedd2xQecfZCgV0BKlsTmlfhIgv8zJ64f2OmqsW01yl26MjhB-otuP-4UQQWojoCwUqdi91VCdyrCDk7iF6ATWbz1lo/s200/thaigoat1+copy.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5104316012822472674" /></a><br />หลังจากที่ตามหาพื้นเพของแพะพื้นเมืองกันแล้ว ทีนี้เรามาตามดูกันต่อดีกว่าว่าแพะพื้นเมืองยังสบายดีอยู่หรือ และอยู่กันที่ไหนบ้าง ยังเหลืออยู่กันกี่มากน้อย อนาคตจะเป็นเช่นไร จะยังคงดำรงเผ่าพันธุ์กันต่อไป หรือว่าค่อยๆ ถูกกลืนหายไปกับการปรับปรุงและพัฒนาสายพันธุ์ด้วยการผสมข้ามกับแพะพันธุ์ต่างถิ่นตามสมัยนิยมของนอก แล้วเรียกว่าเป็นการผสมพันธุ์แบบพัฒนาเพื่อยกระดับสายเลือดขึ้นไป ฟังแล้วรู้สึกดี และชื่นชมที่เกษตรกรบ้านเรารู้จักการพัฒนายกระดับสายพันธุ์ให้ดีขึ้นเพื่อวงการแพะบ้านเราจะได้ก้าวทันต่างชาติซะที<br /><span id="fullpost"><br />ในอดีตแพะมักจะได้รับความสนใจน้อยมากเมื่อเทียบกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ การศึกษาและวิจัยเพื่อปรับปรุงพันธุ์และประสิทธิภาพในการผลิตของแพะแทบจะไม่มีเลย ความสามารถในการผลิตของแพะพันธุ์พื้นเมืองต่างๆ ที่มีอยู่ก็เป็นผลมาจากการคัดเลือกพันธุ์โดยธรรมชาติเสียเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าเราจะสามารถบอกถึงความแตกต่างระหว่างลักษณะภายนอกของแพะแต่ละพันธุ์ได้ แต่ข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวกับประสิทธิภาพในการผลิตของแต่ละพันธุ์ เช่นลักษณะการสืบพันธุ์ การเจริญเติบโต การผลิตนม โรคและพยาธิแทบจะไม่มีเลย (เอกชัย พฤกษ์อำไพ)<br /><br />ดร.สรศักดิ์ คชภักดี ได้เขียนลงหนังนิยสารสัตว์บกเอาไว้ในเรื่อง ควรจะเลี้ยงแพะเนื้อพันธุ์อะไรดีว่า แพะพื้นเมืองไทย ที่เป็นพื้นเมืองแท้ก็หายากเช่นกัน เพราะมักจะผสมกับพ่อพันธุ์บอร์หรือพันธุ์แองโกลนูเบียน เท่าที่ทราบปัจจุบันมีอยู่ฝูงหนึ่งมีแพะประมาณ 100 ตัว เลี้ยงอยู่ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาสัตว์เคี้ยวเอื้องขนาดเล็ก มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร แพะพื้นเมืองฝูงนี้เป็นแพะที่ซื้อเข้ามาเป็นแม่พันธุ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527-2528 และยังไม่มีการผสมข้ามกับแพะพันธู์อื่นๆ แพะพื้นเมืองไทยจากแหล่งอื่น ที่เหลืออยู่ในปัจจุบันก็มีอยู่บ้าง แต่ผสมปนเปอยู่ในฝูงของเกษตรกรรายย่อย ซึ่งไม่นานอาจหมดไป เพราะแพะเหล่านี้ถูกผสมกับพ่อพันธุ์บอร์หรือแองโกลนูเบียน ลูกที่ได้ก็จะไม่เป็นพื้นเมืองอีกต่อไป ส่วนแม่แพะพื้นเมืองเมื่อถึงอายุไข (ประมาณ 8-10 ปี) ก็จะถูกคัดออกเพื่อจำหน่ายเป็นแพะเนื้อ<br /><br />ในช่วงระยะ 10 ปีที่ผ่านมา บุคคลหลายกลุ่มได้ตระนักถึงความสำคัญของแพะ ได้ทำการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับแพะอย่างกว้างขวางในทุกๆ ด้าน อย่างไรก็ตามมีกลุ่มบุคคลอยู่ไม่น้อยที่พยายามยกระดับความสามารถในการผลิตของแพะโดยหวังผลในระยะเวลาอันสั้นด้วยการนำแพะพันธุ์อื่นเข้ามาผสมข้ามกับแพะพันธุ์พื้นเมืองเดิม ทั้งๆที่ไม่ได้ศึกษาให้แน่ชัดว่า พันธุ์พื้นเมืองเดิมนั้นมีคุณลักษณะที่ดีอย่างไรบ้าง จึงน่าเป็นห่วงว่าในที่สุดแล้วเราอาจสูญเสียแพะพันธุ์พื้นเมืองพันธุ์ดีไปหมดโดยไม่ทัีนรู้ตัว (เอกชัย พฤกษ์อำไพ)<br /><br />ขอขอบคุณภาพจากคู่มือการเลี้ยงแพะ กรมปศุสัตว์,เอกชัย พฤกษ์อำไพ คู่มือแพะ, ดร.สุรศักดิ์ คชภักดี นิตยสารสัตว์บก<br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-37646454390744289682007-08-30T09:30:00.001+07:002008-12-11T20:13:05.082+07:00พื้นเพ แพะพื้นเมือง<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgPgI67ApNxexHTGqoLotrR9GuQK0dfbaP7MvkKlrVDOs5-6KiUb2BpjSD8DFQlV2Lu0O6khgUsW7ePOmWgLxdZgWp6huWiOR38e6cACLyrZbdUIPQHaPBDHfz66cFn5hrafpAPNB-hDSE/s1600-h/thainative1+copy.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5104001157359937490" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgPgI67ApNxexHTGqoLotrR9GuQK0dfbaP7MvkKlrVDOs5-6KiUb2BpjSD8DFQlV2Lu0O6khgUsW7ePOmWgLxdZgWp6huWiOR38e6cACLyrZbdUIPQHaPBDHfz66cFn5hrafpAPNB-hDSE/s200/thainative1+copy.jpg" border="0" /></a><br />ผู้ที่สนใจจะเลี้ยงแพะเป็นอาชีพ <strong>ควรเริ่มต้นจากแพะพันธุ์พื้นเมืองที่มีลักษณะดี เพราะมีข้อดีหลายประการ เช่น สามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งปีและเจริญเติบโตได้ดี ในสภาพแวดล้อมของประเทศเรา ซึ่งสามารถปรับตัวเข้าสภาพแวดล้อมได้ดีอยู่แล้ว เลี้ยงดูง่าย ทนทานต่อโรคและพยาธิ และมีราคาที่ไม่แพง</strong>เหมือนแพะพันธุ์จากต่างประเทศ<br /><span id="fullpost"><br />เชื่อว่าคำตอบข้างต้นนี้ จะเป็นคำตอบที่มือใหม่จะได้รับจากการถามไถ่ออกไปแทบจะทุกรายไป ถ้าท่านไม่เชื่อก็ลองโพสถามคุณกู เกิ้ลดู หรือลองโพสถามไปตามกระดานถามตอบต่างๆ ว่าเราควรจะเริ่มต้นอย่างไรกับการเลี้ยงแพะ เพราะยังไม่เคยเลี้ยงเลย เกิดมาก็เพิ่งจะรู้จักแพะจากตรงนี้แหละ อะไรประมาณนั้น รับรองได้ว่าคำตอบที่ได้ไม่ผิดไปจากคำตอบข้างต้นมากนัก เชื่อขนมกินได้<br /><br />บางท่านอาจจะเสริมไปว่า <strong>"ด้วยภูมิปัญญาพื้นบ้าน บวกกับวัตถุดิบที่มีในถ้องถิ่นเช่นพืชสมุนไพรต่างๆ มากมาย ที่มีให้แพะพื้นเมืองได้กินเป็นอาหาร ย่อมทำให้แพะที่เลี้ยงมีสุขภาพดียิ่งขึ้นไปอีก"</strong><br /><br />จากคำตอบต่างๆ ที่หลายๆ ท่านได้ช่วยกันให้คำตอบมานั้นแสดงว่า "แพะ" เป็นสัตว์ที่มีถิ่นเกิดอยู่ในประเทศไทยอยู่แต่เดิม เรียกได้ว่าแพะเป็นสัตว์ประจำถิ่น ประจำบ้าน ประจำเมือง หรือแพะท้องถิ่น แพะพื้นบ้าน แพะพื้นเมือง ก็ว่าได้<br /><br />แต่ในชิวิตจริงกว่าที่ผมจะได้รู้จักแพะตัวเป็นๆ ก็ตอนที่โตเป็นหนุ่มแล้ว และได้มีโอกาสดินทางไปที่ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ขณะที่ขับรถไปตามเส้นทางสู่อำเภอเบตง เพื่อนที่นั่งไปด้วยในรถ ได้บอกเตือนให้ระวังแพะ เดี๋ยวจะไปชนแพะชาวบ้านเข้า รับรองไปไหนไม่ได้แน่นอน และก็คุยกันไม่รู้เรื่องด้วย ผมเลยถามไปว่าทำไมคุยไม่รู้เรือง เพื่อนตอบว่า เขาไม่พูดภาษาไทย และแพะของเขาก็เปรียบได้กับวัวของเราเชียวล่ะ แสดงว่าแพะเป็นสิ่งที่มีมูลค่าสำหรับผู้คนถิ่นนั้น<br /><br />ออกนอกเรื่องไปอีกแล้ว ผมพยายามหาข้อมูลมาสนับสนุนเพิ่มเติมก็หาไม่ได้ว่าแพะ เป็นสัตว์เฉพาะถิ่น หรือมีทั่วไปของประเทศ สุดท้ายก็ต้องถามคุณกู อันนี้เราต้องยอมรับว่าในโลกของไซเบอร์คุณกู เกิ้ล เขาไม่ใช่ย่อย ก็ได้คำตอบค่อนข้างเป็นที่พอใจจากรายงานการวิจัยของ <a href="http://www.sru.ac.th/TRF/Documents/0077.pdf">ดร.วินัย ประลมพ์การญจ์ </a>ดังต่อไปนี้<br /><br />"ตามหลักฐานที่บันทึกเกี่ยวกับประวัติการเลี้ยงแพะในประเทศไทย หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ รายงานปี พ.ศ. 2491 ว่า<strong>แพะที่เลี้ยงในประเทศไทยในขณะนั้นเข้าใจว่าเป็นแพะเลือดอินเดีย บางคนเรียกว่า แพะบังกะลา ซึ่งอาจหมายความว่าเป็นแพะที่มาจากเมืองบังกะลาหรือเบงกอล แพะที่เลี้ยงมีเขา หน้าโค้ง หูตก และหูยาวทั้งนั้น </strong>ยังไม่พบพันธุ์ที่ไม่มีเขา หูตั้งและหน้าตรง<br /><br /><strong>แพะพื้นเมืองที่เลี้ยงอยู่ในภาคใต้เป็นแพะเนื้อ มีลักษณะคล้ายคลึงกับแพะพันธุ์พื้นเมืองของประเทศมาเลเซีย ซึ่งเรียกว่าพันธุ์แกมบิง กั๊ตจัง (Kambing Katjang หรือ Katjang หรือ Kacang)"</strong><br /><br />นอกจากนี้แพะที่เลี้ยงกันแถบตะวันตก เช่น <strong>จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดตาก และจังหวัดนครสวรรค์ เข้าใจว่าเป็นแพะที่มาจากประเทศอินเดีย ปากีสถาน และบังคลาเทศ เข้าสู่ประเทศไทยผ่านทางประเทศเมียนมาร์ </strong>มีรูปร่างสูงใหญ่กว่าแพะทางใต้ แพะกลุ่มนี้มีใบหูปรกยาวมาก ขายาว ผอมเก้งก้าง และเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในนาม <strong>"แพะพม่า"</strong> หรือ <strong>"แพะหูยาว"(</strong>ดร.สุรศักดิ์ คชภักดี)<br /><br />หวังว่าท่านที่อุตส่าห์ตามอ่านจนถึงตรงนี้แล้วคงจะได้คำตอบอะไรบ้าง เกี่ยวกับ<strong>"แพะพื้นเมือง"</strong> ถ้าท่านใดมีข้อมูลที่ใหม่กว่านี้ ก็แลกเปลี่ยนกันเข้ามาได้ครับ ขอขอบคุณภาพจาก คู่มือการเลี้ยงแพะ ของกรมปศุสัตว์ ณ ตรงนี้ไว้ด้วย<br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-91763205766319281952007-08-28T18:04:00.000+07:002008-12-11T20:13:05.258+07:00เลี้ยงแพะนานแค่ไหนถึงจะคืนทุน<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhmfiz-LME7SauQ7mWDlWLqQ3RAh6jLpEtilKDRoM9PVwUt04YfPlUte2dI1ssN5V98hGVmhFtSPCixAphjgO1Axo11i3WK8DzaUrh-3GW3CaE9Uei8_Qlsl4OiJgUSkVGyRUEmV12zcLM/s1600-h/00212_11.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhmfiz-LME7SauQ7mWDlWLqQ3RAh6jLpEtilKDRoM9PVwUt04YfPlUte2dI1ssN5V98hGVmhFtSPCixAphjgO1Axo11i3WK8DzaUrh-3GW3CaE9Uei8_Qlsl4OiJgUSkVGyRUEmV12zcLM/s200/00212_11.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5103699989958174658" /></a><br /><strong>เงินทองเป็นของนอกกาย ขวนขวายแทบตายกว่าจะได้มา</strong> สิบบาท ร้อยบาท พันบาท ก็ต้องลงทุนไปถึงจะได้มา บางคนลงทุนแรงกาย บางคนลงทุนสมอง บางคนลงทุนแบมือขอออกไปถึงจะได้มา<br /><br /><span id="fullpost"><br /><strong>"ลำบากแทบตาย"</strong> บางคนแย้ง หรือบางคนอาจบอกว่า <strong>"เน็ดเหนือยแทบตาย"</strong> จะอย่างไรก็ตาม เรามาว่ากันต่อในเรื่องของการใช้เงินกับการประกอบอาชีพใหม่ กับสิ่งมีชีวิตใหม่ที่เรียกว่า <strong>"แพะ"</strong> สำหรับชุมทางแพะ อาจจะไม่ใหม่เท่าไร แต่รับประกันได้ว่า แพะ ยังเป็นสิ่งใหม่สำหรับคนไทยอีกหลายๆ คน เพราะหลายคนยังไม่เคยเคยแพะตัวเป็นๆ เลย<br /><br /> <strong>เอาล่ะ ตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะเลี้ยงแพะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเลี้ยงแพะไปตลอดชีวิต และก็คิดว่าผลผลิตจากแพะจะต้องกลับมาเลี้ยงเราบ้างในเร็ววัน</strong> แล้วในเร็ววันนั้น เร็วแค่ไหน หร้อว่านานเพียงใด และต้องเริ่มต้นที่ตรงไหน เริ่มที่แพะกี่ตัว มีอะไรบ้างที่จะต้องจ่าย งบประมาณเริ่มต้นกี่มากน้อย และที่แน่ๆ กี่ปีคืนทุน<br /><br /><strong>อันตัวเรา ก็เป็นเพียงเกษตรกรธรรมดา ฐานะก็ธรรมดาๆ เงิน มันคือสิ่งที่มีคุณค่าและมีมูลค่า มันทำให้เรามีเกียรติยศ มีชื่อเสียง และมีความมั่นคงในชีวิต และตอนนี้มันได้ล้อมจับเราเอาไว้หมดทุกด้านแล้ว และร้องเรียกให้เราออกไปมอบตัวซะโดยดี</strong> แล้วเราจะทำอย่างไร เพื่อประกันได้ว่าเราจะได้เป็นอิสระ หรือมีอิสระตามอัตภาพ<br /><br />คำตอบพอประมวลได้ว่า ก็ควรลงทุนตามอัตภาพ ไม่มากเกินไปนัก ควรลงทุนเบื้องต้นประมาณ 100,000 บาท (สิบหมื่น) ระยะเวลาคืนทุนประมาณ 3 ปี ด้วยการสร้างโรงเรือนแบบชั่วคราวถูกๆ รายละเอียดขอยกตัวอย่างฟาร์มแพะของโครงการหนึ่งฟาร์มหนึ่งตำบลมาให้ดูก็แล้วกัน โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งฟาร์ม(ตัวอย่าง) สนับสนุนโดยกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรแต่ละอำเภอของ<a href="http://phetchabun.doae.go.th/onefarmonetambol.htm">จังหวัดเพชรบูรณ์ </a>จัดทำขึ้นเพื่อสาธิตการทำการเกษตรในรูปแบบที่เหมาะสมกับพื้นที่เพื่อเป็นฟาร์มตัวอย่างให้เกษตรกรได้ศึกษา และใช้เป็นจุดถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตทางการเกษตรตามหลักวิชาการ<br /><br />โครงการนี้ใช้พื้นที่ 25 ไร่ปลูกหญ้าเป็นพืชอาหารสัตว์ เลี้ยงแพะ 25 ตัว (แม่พันธุ์ 23 ตัว พ่อพันธุ์ 2 ตัว) โรงเรือนแบบชั่วคราวหลังคามุงจากหรือหญ้าคา ขนาด 4X6 เมตร ประมาณการรายรับรายจ่ายดังต่อไปนี้<br /><br />รายรับจะได้รับในที่ 2 ไปแล้ว จากการขายลูกแพะ โดยแม่แพะ 23 ตัว คลอดลูกปีละ 1 ตัว เท่ากับ 23 ตัว ขายหมดตัวละ 1,500 บาท เท่ากับ 34,500 บาท ดังนั้นสมารถคืนทุนได้ในปีที่ 3<br /><br />ส่วนรายจ่ายประกอบด้วย<br />-สร้างโรงเรือน 4,650<br />-ซื้อแม่พันธุ์แพะ 68,310<br />-ซื้อพ่อพันธุ์แพะ 9,000<br />-ค่าวัคซีน/เวชภัณฑ์/อื่น ๆ 1,200<br />-อาหารเสริม 2,400<br />-ค่าดูแลรักษา 7,200<br />-แปลงหญ้า 1,240<br /><strong>รวม 94,000 บาท</strong><br /><br />เป็นอย่างไรบ้างครับ คิดว่าพอจะเป็นแนวทางในการปรับ ประยุกต์ใช้ได้ตามอัตภาพก็แล้วกัน<br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-79716058474292924212007-08-15T15:27:00.001+07:002008-12-11T20:13:05.440+07:00"น้องกาย"(Guy) แพะโคลนนิง ฝีมือคนไทย<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg6yVVkKFELdjBw1dymgpG4AAVIi17PuShJ4sMBXggu2ADAqJhdVyFvW28v46nq-9VtgT7Jns2gC23qUFr3TIejXRD5ysdmaOpNUPO3wJj34fM6v9HbO9zCbRn3ZuMnacacSmNB5u0fKzc/s1600-h/Image0.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg6yVVkKFELdjBw1dymgpG4AAVIi17PuShJ4sMBXggu2ADAqJhdVyFvW28v46nq-9VtgT7Jns2gC23qUFr3TIejXRD5ysdmaOpNUPO3wJj34fM6v9HbO9zCbRn3ZuMnacacSmNB5u0fKzc/s200/Image0.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5098802750048172130" /></a><br />ดร.ประสาท สืบค้า อธิบการบดี มทส.(ซ้าย) และดร.รังสรรค์ พาลพ่าย (ขวา) อวด "น้องกาย" ลูกแพะโคลนนิงที่กำเนิดจากการโคลนด้วยเซลล์ต้นกำเนิดจากใบหูเป็นรายแรกของโลก <br /><br /><strong>มทส.โชว์ “น้องกาย” ลูกแพะโคลนนิงจากเซลล์ใบหูตัวแรกของโลก และนับเป็นประเทศที่ 4 ในโลกที่สามารถโคลนแพะได้สำเร็จ "ดร.รังสรรค์ พาลพ่าย" เจ้าของผลงานเตรียมโคลนให้ครบ 20 ตัวในปี 2550 พร้อมต่อยอดโคลน "เลียงผา" สัตว์ใกล้สูญพันธุ์</strong><br /><span id="fullpost"><br /> ดร.รังสรรค์ พาลพ่าย หัวหน้าศูนย์วิจัยเทคโนโลยีตัวอ่อนและเซลล์ต้นกำเนิด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เผยถึงความสำเร็จในการโคลนนิงแพะจากเซลล์ใบหูของแพะพันธุ์บอร์ซึ่งเป็นพันธุ์เนื้อ โดยได้ลูกแพะเป็นเพศผู้ที่ผ่าตัดทำคลอดเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา นับเป็นรายที่ 4 ของโลกที่โคลนนิงแพะสำเร็จ<br /> <br /> <strong>นอกจากนี้ ยังเป็นแพะตัวแรกของโลกที่กำเนิดด้วยการโคลนนิงโดยใช้เซลล์จากใบหู</strong> ซึ่งโดยปกติในต่างประเทศจะใช้เซลล์จากลูกอ่อน (Fetus) ซึ่งเป็นตัวอ่อนที่อยู่ในมดลูก ทว่าทีมวิจัยจะได้โคลนนิงด้วยวิธีหลังเพื่อเปรียบเทียบด้วย<br /> <br /> <strong> สำหรับแพะโคลนนิงวัย 1 เดือนกว่านี้ได้รับชื่อจากการประกวดว่า "น้องกาย" (Guy) ซึ่งสื่อความหมายถึงเพศผู้ในภาษาอังกฤษ</strong><br /> <br /> ทั้งนี้ ดร.รังสรรค์และทีมวิจัยได้นำเซลล์ใบหูของแพะพันธุ์บอร์เพศผู้ไปเก็บไว้ในธนาคาร จากนั้นเก็บไข่จากแพะเพศเมียที่เลี้ยงไว้สำหรับผลิตไข่โดยเฉพาะ ไปดูดเอานิวเคลียสออกและนำเซลล์ต้นแบบจากใบหูของแพะเพศผู้ใส่ลงในไข่ดังกล่าว แล้วเชื่อมด้วยกระแสไฟฟ้าก่อนนำไปฝากไว้กับแพะเพศเมียอีกตัวที่เลี้ยงไว้สำหรับอุ้มท้องโดยเฉพาะ<br /> <br /> ดร.รังสรรค์ เปิดเผยว่า มีการย้ายฝากตัวอ่อนตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2549 โดยหลังจากผ่านไป 150 วันแล้วยังไม่การคลอดโดยวิธีธรรมชาติ ทางทีมวิจัยจึงตัดสินใจผ่าตัดเพื่อทำคลอดในวันที่ 153 ของการตั้งท้อง<br /> <br /> "ที่เลือกวิธีโคลนนิงด้วยเซลล์ต้นแบบจากใบหูนั้น เพราะทีมวิจัยมีความชำนาญวิธีนี้เป็นพิเศษ โดยที่ผ่านมาได้โคลนิงวัว แมวด้วยเซลล์จากใบหูมาโดยตลอด และเก็บเซลล์จากต้นแบบได้ง่ายเพราะไม่ทำให้สัตว์บาดเจ็บ" ดร.รังสรรค์อธิบาย<br /> <br /> นอกจากนี้เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมาทีมวิจัยยังได้ผ่าตัดทำคลอดให้แพะเพศเมียอีกตัวที่ทำโคลนนิงด้วยเช่นกัน แต่ในเช้าวันที่ 6 ก.ค.ลูกแพะได้เสียชีวิตลง เบื้องต้นได้ผ่าซากพิสูจน์ และพบการขยายตัวของปอดที่ผิดปกติ แต่สัตวแพทย์ก็ยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด และต้องรอผลจากห้องปฏิบัติการอีกที เนื่องจากยังระบุไม่ได้ว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นเป็นผลขณะมีชีวิตอยู่หรือหลังจากเสียชีวิต<br /> <br /> <strong>จากความสำเร็จในครั้งนี้ ดร.รังสรรค์เผยว่า ทีมวิจัยตั้งเป้าจะโคลนนิงแพะให้ได้ครบ 20 ตัวภายในปี 2550 และจะต่อยอดโคลนนิง “เลียงผา” หรือ “แพะภูเขา”</strong> ซึ่งใกล้จะสูญพันธุ์เนื่องจากถูกล่าเพื่อนำมาทำน้ำมันใช้เป็นยาบรรเทาปวดตามความเชื่อ โดยสัตว์ทั้ง 2 ชนิดอยู่ในตระกูลเดียวกัน<br /><br />ภาพและข่าวจากผู้จัการออนไลน์ 6 กรกฎคม 2550<br /><br />พอดีคิดถึงแกะดอลลีและอยู่ระหว่างการค้นหาข้อมูล ก็ได้ชมข่าวคราวความสำเร็จของคนไทยระดับโลกอีกคนหนึ่ง ก็ถือโอกาสนำมาเผยแพร่ต่อให้เป็นที่ประจักษ์ต่อชาวโลกว่าไทยเรานี้มีความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเกษตร โดยเฉพาะเทคโนโลยีการผลิตแพะ<br /><br />และในอนาคตถ้าหากว่ามีการอนุญาตให้เราสามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมผลิตจริงได้แล้วประเทศไทยคงจะทัดเทียมและแข่งขันกับประเทศต่างๆ ได้ทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณอย่างแน่นอน<br /><br />จากผลสำเร็จในครั้งนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นผลดีและความก้าวหน้าทางวิวัฒนาการ หรือว่าเป็นผลข้างเคียงต่อวิวัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีชีวภาค<br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-28536691310290335402007-08-10T09:10:00.000+07:002008-12-11T20:13:05.735+07:00แผ่นตรวจสอบโรคโลหิตจาง Anaemia Guide<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiUwlR7Pwcei52zeKHZlrExvTG9hNkJqJjzkmzIx6P1phtef5bpsIxRL6NvlZ6glIrUlq6qwitiW_TFfkrOpRb5KCYIJw8nR4JgRYuV1CcaVNFK0UVxYgdUweGpx6ZvIWRJTqMpP3_lc0U/s1600-h/01chart.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5065799957597528738" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiUwlR7Pwcei52zeKHZlrExvTG9hNkJqJjzkmzIx6P1phtef5bpsIxRL6NvlZ6glIrUlq6qwitiW_TFfkrOpRb5KCYIJw8nR4JgRYuV1CcaVNFK0UVxYgdUweGpx6ZvIWRJTqMpP3_lc0U/s320/01chart.jpg" border="0" /></a><br /><div><br />การเลี้ยงแพะขณะนี้กล่าวได้ว่ากำลังได้รับความสนใจเลี้ยงกันมากขึ้น ทั้งจากจำนวนคนเลี้ยงและจำนวนแพะที่เลี้ยง หลายๆ คนเลี้ยงแล้วก็สะดวกราบรื่นดี หลายๆ คนก็มักประสบกับปัญหาอยู่ตลอด สาเหตุเพราะผู้เลี้ยงแพะส่วนมากยังไม่ค่อยเข้าใจ หรือเอาใจใส่กับสุขภาพของแพะมากนัก <strong>เพราะมักเข้าใจว่าแพะเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย กินง่าย อยู่ง่าย แต่ลืมไปว่า แพะก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เจ็บได้ ป่วยได้ แต่พูดไม่ได้ และก็ตายได้ง่ายๆ</strong> ด้วยเช่นกัน <span id="fullpost"><br />ดังนนั้นผู้เลี้ยงจำเป็นต้องเอาใจใส่ดูแลสุขภาพแพะทุกวัน เช่น ลองเอาหูของเราไปแนบฟังตรงท้องแพะดูบ้างว่ามีเสียงผิดปรกติหรือไม่ หรือมีกลิ่นผิดปรกติจากแพะหรือเปล่า ปัญหาสุขภาพแพะของบ้านเราหลักๆ แล้วก็มักจะเป็นพยาธิ ที่ทำความเสียหายให้กับผู้เลี้ยงเป็นจำนวนมาก ทั้งพยาธิภายนอก และพยาธิภายใน พยาธิภายนอก และแมลงรำคาญต่างๆ ก็ได้แก่พวก เห็บ หมัด ไร ยุง เป็นต้น ส่วนพยาธิภายใน ได้แก่ พยาธิภายในกระเพาะ และภายในลำใส้ เช่น พยาธิตัวกลม พยาธิตัวตืด เป็นต้น ซึ่งเมื่อแพะเป็นพยาธิขั้นรุนแรงแล้วสามารถทำให้แพะตัวนั้นตายได้ ดังนั้นผู้เลี้ยงจำเป็นต้องสามารถตรวจสุขภาพแพะเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ เพื่อจะได้ป้องกันและรักษาได้ทัน การตรวจสอบเบื้องต้นที่ง่ายที่สุด ก็คือการตรวจที่สีผิวของอวัยวะเพศ หรือที่สีผิวของเปลือกตาแพะ โดยเปรียบเทียบกับ<strong>แผ่นตรวจซีด หรือแผ่นตรวจสอบโรคโลหิตจาง</strong> ด้วยการเทียบสีของเปลือกตาแพะตามระดับหมายเลขต่างๆ ดังต่อไปนี้ หมายเลข 1 สีเยื่อเมือปติ บ่งชี้ว่าสัตว์สุขภาพดี และให้เฝ้าติดตามปัญหาพยาธิ และโลหิตจาง ทุกๆ 4-6 เดือน หมายเลข 2 สีเยื่อเมือกซีดเล็กน้อย แนะนำให้อาหารคุณภาพดี และมีการกำจัดตัวอ่อนพยาธิในแปลงหญ้า โดยการพักแปลงหญ้าอย่างน้อย 3 เดือน หมายเลข 3 สีเยื่อเมือก ซีดจางปานกลาง บ่งชี้ให้ถ่ายพยาธิและเสริมแร่ธาตุผสมอาหาร ที่มีธาตุเหล็ก ทองแดง โคบอลต์ จนกว่าสีเยื่อเมือกจะเป็นปกติ และเข้มงวดกับการจัดเก็บทำลายมูลสัตว์ และพักแปลงหญ้าอย่างน้อย 3 เดือน หมายเลข 4 สีเยื่อเมือกซีดจางมาก แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อป้องกันปัญหาดื้อยาถ่ายพยาธิ และหากสีเยื่อเมือกไม่กลับสู่ปกติหรือดีขึ้นภายใน 1 เดือน ให้ทำการคัดทิ้งได้เลย ขอขอบคุณแผ่นตรวสอบโรคโลหิตจางจากคุณหมอพรหล้า โครงการฟาร์มดี โดยคลินิกฟาร์มดี เขตหนองจอก กรุงเทพฯ ชุมทางแพะสัญจรครั้งแรก ที่เทวาฟาร์ม อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2550<br /><br /></span></div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-52085370524269726742007-07-16T16:13:00.000+07:002008-12-11T20:13:05.885+07:00การเลี้ยงแพะแบบยั่งยืน<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjietPrcO-4I8PUmkK6BxkzvbV11bPOlF9f5FVzx-RdMDWACqa-_lQlFTY_141YkEvL4cX-AffwNL_G7xUGu1WjTf0OTwsLF2Agf5RzBtkQ3mv31YXS4N7pGgOw7JcTnWDFsgH6LDclbVY/s1600-h/mike.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjietPrcO-4I8PUmkK6BxkzvbV11bPOlF9f5FVzx-RdMDWACqa-_lQlFTY_141YkEvL4cX-AffwNL_G7xUGu1WjTf0OTwsLF2Agf5RzBtkQ3mv31YXS4N7pGgOw7JcTnWDFsgH6LDclbVY/s200/mike.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5087704124196481026" /></a><br />จากการ<strong>เริ่มต้นอย่างไรกับการเลี้ยงแพะ </strong>ก็มีคำถามตามมาว่า แล้ว<strong>เลี้ยงแพะอย่างไรให้รอด</strong> ผมก็เลยถามกลับไปว่า รอดคืออะไร รอดคือแพะที่เราเลี้ยงไม่ตาย หรือว่ารอดคือคนเลี้ยงแพะไม่ตาย หรือว่าอะไรครับ?<br /><span id="fullpost"><br />รอด ก็คือ แพะรอด เรารอด ครอบครัวเรารอด และธุรกิจก็อยู่รอดด้วยค่ะ<br /><br />โอเค รอดก็รอด แต่ผมล่ะ จะรอดคำถามนี้ไปได้รึเปล่า <br />จากนั้นก็ได้ตะลอนหาคำตอบอยู่พักหนึ่ง ก็หลากหลายความเห็น พอประมวลได้ว่า ยุกนี้สมัยนี้มันก็ต้องเลี้ยงแบบพอเพียง แบบผสมผสาน แบบยั่งยืนซิ ผมก็ถามกลับไปว่าแล้วแบบยั่งยืนคือแบบไหน แล้วแบบไหนถึงจะยั่งยืนละครับ<br /><br />ในที่สุดผมก็ต้องไปถาม Google เพราะเป็นที่พึ่งอันดับแรกและอันดับสุดท้ายของผม และก็เหมาสรุปเอาเองว่า แบบยั่งยืน ก็คือแบบผสมผสานและพอเพียง พึ่งพาตนเองและพึ่งพาท้องถิ่นเป็นหลัก รู้จักใช้ปัจจัยต่างๆ ที่มีอยู่ในท้องถิ่นให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุดและไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำเทคนิกหรือวิธีการแบบปราชญ์ชาวบ้านหรือภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ให้ได้ผลดี คุ้มค่าต่อการลงทุน ไม่เบียดเบียนตนเองและความมั่นคงของครอบครัว ไม่แน่ใจว่าจะมีใครงงกับผมมั้ยนี้<br /><br />พูดง่ายก็คือ ท้องถิ่นเรามีอะไรก็ให้นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด เช่น เราปลูกข้าวโพด หลังจากหักฝักไปแล้ว ก็เอาต้นและใบข้าวโพดมาเลี้ยงแพะ มีหญ้าขึ้นรกไปหมดก็ตัดมาให้แพะกิน หรือหยูกยาก็ให้แพะกินพืชสมุนไพร เป็นทั้งอาหารและยาป้องกันโรคไปในตัว<br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-57379663776728651342007-07-13T11:49:00.000+07:002008-12-11T20:13:06.028+07:00ไข้<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhyoMomzd1aF03mJv_XMx8u0uKbNZwHri1QZOPeZLDkroHCIjjNRknSBE8dxkK5o-dwJ7StKoesL9FGUdr-8vqYCpwdWLGwh4T1jf8ZAX5oGmX-EQDisqsUBfLGAqZSMb6ja6R58KhsoeA/s1600-h/isanfarm.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhyoMomzd1aF03mJv_XMx8u0uKbNZwHri1QZOPeZLDkroHCIjjNRknSBE8dxkK5o-dwJ7StKoesL9FGUdr-8vqYCpwdWLGwh4T1jf8ZAX5oGmX-EQDisqsUBfLGAqZSMb6ja6R58KhsoeA/s200/isanfarm.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5086535463595239410" /></a><br />สำหรับแฟนพันธุ์แท้ของคุณหมอพรหล้า ที่ยังไม่หายคิดถึงคุณหมอ ก็ขอต่ออีกเรื่องก็แล้วกัน เพราะอ่านดูแล้วก็ต่อเนื่องกันกับที่เพิ่งจากนำเสนอไปด้วยเรื่องเสียงของปอด ถ้าพร้อมแล้วก็อ่านบทความเรื่อง <strong>ไข้</strong> ของคุณหมอได้เลยครับ ^_^<br /><span id="fullpost"><br />มีคำที่เกี่ยวข้องกับอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นจากปกติ 100-102.8-103 F คือ<br />1 ไข้ จริงๆ<br />2 อุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นจากการตากแดดหรือออกกำลัง ไข้แดด ทำนองนั้น<br /><br />ทั้งสองอย่างอันตรายทั้งคู่ เพราะทำให้สมองเสียหายได้ ชักจนระบบทางเดินหายใจล้มเหลว ตายได้ ไข้นั้นมีทั้งจาก ไข้จากการติดเชื้อโรค และ ไข้จากไม่ทราบสาเหตุ<br /><br /><strong>เมื่อไหร่จะใช้ยาลดไข้</strong> ก็เมื่อมีไข้สูงและเมื่อมั่นใจที่มาของไข้ เพราะยาลดไข้ไปแก้ไขที่สมองให้อุณหภูมิลดลง แต่สาเหตุไม่ได้เป็นที่สมองทีนี้พอใช้ยาไปโดยที่ไม่รู้เหนือรู้ใต้ก็กลายเป็นว่ายิ่งทำให้หาต้นสายปลายเหตุของไข้หรือความรุนแรงของโรคยากเข้าไปอีก<br /><br />อย่าลืมว่า ถ้าสัตว์เป็นไข้ เพราะติดเชื้อโรคในร่างกาย ไข้นี้เกิดขึ้นเพื่อทำลายเชื้อโรคอีกทางหนึ่งที่ร่างกายใช้ต่อสู้ แต่เผอิญว่าไข้มันรุนแรงไป เช่นเกิน 104 F ก็พาลจะทำให้สมองเสียหายไปด้วย คิดเอาประมาณว่า เอาเลือดร้อนๆไปลวกสมองแล้วกันนะ<br /><br /><strong>แล้วเมื่อไหร่ ไม่ต้องใช้ยาลดไข้</strong><br />ก็เมื่อ เช็ดตัวด้วยน้ำเย็นเจี๊ยบๆ ตามซอกขาตามหน้า ตัว พาเข้าร่ม อากาศดี ลมโชย แล้วไข้ก็ลดลงอันนี้อาจเป็นเพียงไข้แดด อุณหภูมิเลยขึ้นเฉยๆ หรือเป็นไข้ที่เกิดจากการติดเชื้อจริงๆก็ได้ แต่ว่าถ้าเราเช็ดตัว ป้อนน้ำกิน ให้น้ำเกลือแล้วลดไข้ได้ ให้ยาฆ่าเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของไข้ได้<br /><br /><strong>แล้วทำไมต้องให้ยาลดไข้ด้วยหละ </strong>(ไม่ต้องให้เพื่อปลุกปลอบใจตัวเอง หรือระดมยิงไว้ก่อน)<br />แต่ถ้าทำทุกอย่างไปแล้วไข้ยังไม่ลดอีก อันนี้อาจเข้าข่ายไข้แบบไม่ทราบสาเหตุหรือเกิดความผิดปกติของสมองส่วนที่ทำงานเกี่ยวกับการดูแลอุณหภูมิของร่างกาย อันนี้ก็จะลึกลงไปอีก<br /><br />แล้วคิดดูหากเกิดการมั่วระดมยิง จนเราเองก็งง แล้วจะไปสรุปว่าเป็นไข้ไม่ทราบสาเหตุได้ไง )เพราะเมื่อให้ยาลดไข้ไปกลบอาการไว้ แสดงว่าเราต้องตามดูอีกเรื่อยๆ หรือรอจนกว่ายาจะหมดฤทธิ์ซึ่งก็เป็นการเพิ่มชั่วโมงการทำงาน โดยใช่เหตุแถมทำให้เราประเมินอาการสัตว์ต่ำไปกว่าที่เป็นจริงอีกต่างหาก<br /><br />ทีนี้มาถึงเรื่องลดไข้ <strong>อย่าให้ไข้ลดลงอย่างฮวบฮาบ </strong>ไม่ว่าจะมาจาก การเช็ดตัว หรือยาลดไข้ เช่น เกิน 2-3องศาใน 1 ชม. อันนี้เดิ๋ยวจะทำให้สมองสับสน แล้วอุณหภูมิร่างกายจะลดลงไปแบบไม่มีที่สิ้นสุดเป็นเหตุให้ตัวเย็นตายได้อีก สรุปว่า เมื่อมีไข้ต้องติดตามด้วยปรอทวัดไข้จนกว่าจะปกติ <br /><br />ฉนั้น เมื่อมีไข้ ให้คิดถึงการเช็ดตัว ก่อนการฉีดยาลดไข้ เพื่อที่จะได้ไม่งง ไม่หลงทางคือเช็ดตัวไป วัดไข้ไป เรื่อยๆ เราจะเห็นแนวโน้มของอุณหภูมิ เรียกว่าภายใน 15-30 นาทีแรกก็เห็นความแตกต่างแล้ว <br /><br /><strong>ยาฉีดไปแล้ว ดูดคืนไม่ได้ นะคะ</strong> <br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-68126487437326030842007-07-13T11:08:00.000+07:002008-12-11T20:13:06.272+07:00เสียงปอดของแพะ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgiMwCZ_crBOHjgou2Wqo9nyTajnftqxDkcVhGG-YOGdw1WMdL9Husd470ksLEBtvFjz6Km9qtT7al8HC1CQkSJU3z1C8WAj5OERuXcTN9kHzPPn_eQ7oe0ZjHTW0u-tPUzI_ieFzi3Eoo/s1600-h/PPR8.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgiMwCZ_crBOHjgou2Wqo9nyTajnftqxDkcVhGG-YOGdw1WMdL9Husd470ksLEBtvFjz6Km9qtT7al8HC1CQkSJU3z1C8WAj5OERuXcTN9kHzPPn_eQ7oe0ZjHTW0u-tPUzI_ieFzi3Eoo/s200/PPR8.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5086522406894659554" /></a><br />ช่วงนี้มีเวลาว่างอยู่บ้าง จึงเข้าไปดูกระทู้เก่าๆ กะว่าจะเอามาเล่าใหม่ เพราะมีสมาชิกถามมาว่า คุณหมอพรหล้าหายไปไหนหรือค่ะ ก็เลยไปดูที่กระทู้ที่คุณหมอเขียน หรือตอบ และช่วงนี้ฝนตกหนักเพราะเป็นฤดูฝน จึงขอนำข้อมูลเรื่องปอด ที่คุณหมอโพสต์ไว้มาเผยแพร่ต่อก็แล้วกัน ^_^<br /><span id="fullpost"><br />ช่วงนี้มีเคส <strong>โรคปอด</strong>เข้ามาบ่อยมาก<br />อยากให้ทุกคน ระวัง และปรับตัวให้ทันกับการแปลี่ยนแปลงของอาการที่เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว<br /><br />อีกอย่างที่สังเกตุพบว่า เสียงปอดแพะในแถบกรุงเทพ เสียงดังกว่าปกติ แม้จะไม่ได้แสดงอาการป่วยแต่จริงๆแล้ว เสียงปอดมันจะเงียบกว่านี้ ที่เป็นอย่างนี้อาจเพราะ แพะมีจุดอ่อน ที่ปอดและโดยสภาพร้อนชื้นนั้น ไม่ส่งผลดี ทำให้เกิดร่อยรอยความเสียหายที่ปอด เวลาฟังเสียงจึงดังกว่าปกติแม้ไม่แสดงอาการ แต่สิ่งนี้จะสะสมไว้เมื่อเกิดเหตุติดเชื้อเล็กๆน้อยๆก็จะลุกลามใหญ่โตได้อย่างรุนแรงและรวดเร็ว<br /><br /><strong>ฉนั้นโปรดตามหมอ</strong> ก่อนที่มันจะไม่กินหรือ เอาแต่นอน ไม่มีแรง ให้ตามหมอ<strong>ตั้งแต่มันเริ่มไออย่าปล่อยจนขี้มูกเหนียวข้นเป็นกาว</strong><br /><br />ลองนึกภาพของคนที่สูบบุหรี่ เขาก็มีถุงลมโป่งพองบางส่วน แต่ส่วนอื่นๆมันก็ทำงานชดเชยให้ก็ไม่มีอาการอะไรแต่หากเกิดปอดชื้นขึ้นก็ย่อมรุนแรงจนกลายเป็นปอดบวมแบบเร็วและร้ายกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ ทำนองนั้น <br /><br />ขอระบายหน่อยนะ ค่ะ<br />แบบว่ามาตามหมอตอนที่หัวใจมันกำลังจะไป หายใจไม่ไหวแล้ว ไม่กินอาหารแล้ว ร่างกายขาดน้ำอย่างมากหมอจะทำไงได้ ในเมื่อ <br />1 การให้ยาในสภาพร่างกายขาดน้ำนั้น เป็นผลเสียมากกว่าผลดี<br />2 ร่างกายที่ขาดน้ำ ต้องให้น้ำเกลือที่มีพลังงาน ก็ให้เร็วไม่ได้ เพราะเดี๋ยวน้ำจะไปท่วมปอดมากขึ้น<br />3 งั้นเปลี่ยนเป็นป้อน ก็กลืนไม่ไหวเพราะไม่มีแรง และกลั้นหายใจเวลากลืนไม่ได้ แค่นอนเฉยๆก็หายใจไม่พออยู่แล้ว<br />4 การให้น้ำเกลือที่ช้ามาก ไม่สามารถจะชดเชยการขาดน้ำที่รุนแรงได้ทัน และ ไม่สามรถเพิ่มความดันเลือดได้ก็ช่วยหัวใจไม่ได้อยู่ดี<br />5 การให้น้ำเกลือเข้าใต้ผิวหนัง ก็ดี แต่ไม่สามารถให้ชนิดที่มีน้ำตาลได้ แต่สัตว์ต้องการพลังงานจะเอาที่ไหนดี<br />6 ถ้าขั้นนี้แล้ว ต้องมีการให้ออกซิเยน แต่หมอก็แบกถังไปไม่ได้ ครั้นอุ้มแพะขึ้นรถ มันก็หัวใจจะวายแล้วและค่าใช้จ่ายก็เป็นคำตอบที่บอกว่าราคาไม่ได้ เพราะให้กันเป็นวันๆ<br /><br /><strong>ฉนั้น ฉนั้น ฉนั้น โปรดเรียกหมอตั้งแต่มันเริ่มไอ</strong>(แบบว่าเหนื่อยและบำบากมาก ในการกู้ชีวิต และมักไม่ทันการณ์ แล้วแพะก็มักจะแกล้งหมอด้วยการดีขึ้นในช่วงแรกๆ พอหมอจะกินข้าวเย็นหรือจะเข้านอน มันก็เริ่มจะออกเดินทางเหมือนหลอกให้เราหนื่อยฟรี ตั้งหลายชั่วโมง แต่จริงๆแล้ว อากาศช่วงหัวค่ำ เป็นอาการที่ไม่เหมาะสมถ้าทำงานสำเร็จจะไม่รู้สึกเหนื่อยเลย แต่พอมันตายนะ จะเหนื่อยไปอีกเป็นวันๆ) <br /><br />คำตอบเรื่องนี้ ไม่ได้อยู่ที่หมอ แต่อยู่ที่โรงเรือน นะคะ <br /><br />Credit:ภาพจาก http://www.fao.org/ag/aga/agah/empres/GEMP/resources/prnt-ppr-cp-PPRman.htm<br /></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-5616742073359928909.post-14178700273016883132007-07-12T12:20:00.000+07:002008-12-11T20:13:06.505+07:00เริ่มต้นอย่างไรกับการเลี้ยงแพะ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgbWm1vPXETA6zPf90RxP0n267OQKRgwA-6YMMMHUMOr7djPSJuyRCB298XGvlgQD8eHZLX_cgpeQFjH-SuOEKX_lyNDi4Ai_c-M5fUm0wsIJ3iA7XOHcXPYS5RzaTMDO2Q334aY6eQcHo/s1600-h/Lung_song.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5085871831457906866" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgbWm1vPXETA6zPf90RxP0n267OQKRgwA-6YMMMHUMOr7djPSJuyRCB298XGvlgQD8eHZLX_cgpeQFjH-SuOEKX_lyNDi4Ai_c-M5fUm0wsIJ3iA7XOHcXPYS5RzaTMDO2Q334aY6eQcHo/s200/Lung_song.jpg" border="0" /></a><br /><br />สนใจอยากจะเลี้ยงแพะ ควรจะเริ่มต้นอย่างไรดี, เลี้ยงแพะเนื้อหรือแพะนมดี เลี้ยงแพะพันธุ์ หรือแพะขุน อย่างไหนดีกว่ากัน เลี้ยงแพะพันธุ์อะไรดี สร้างโรงเรือนแบบไหนถึงจะดี เลี้ยงแพะแล้วจะขายให้ใคร คำถามเหล่านี้ดูจะเป็นคำถามยอดฮิตประจำเว็บบอร์ดเลยก็ว่าได้<br /><span id="fullpost"><br />และหนึ่งในนั้นก็คือผมเอง เมื่อครั้งแรกเริ่มหาคำตอบบางอย่างให้กับตนเอง และก็มีเพื่อนๆ แห่งโลกไซเบอร์ ช่วยกันขานไขให้คำตอบมาหลายต่อหลายท่าน แตกต่างกันไป หลายๆ ท่าน หลายๆ คนเชิญชวนให้ไปเที่ยวชมถึงฟาร์ม ได้พูด ได้คุย ซักถาม เบื้องลึกเบื้องหลังกันได้เต็มที่ ก็พอจะประมวลได้ว่า เราควรจะเริ่มต้นด้วยการหาข้อมูลก่อนเป็นอันดับแรก ศึกษาข้อมูลให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ข้อมูลที่ควรจะรู้ก็ได้แก่ พันธุ์แพะสายพันธุ์ต่างๆ แล้วดูว่ามีสายพันธุ์ใดบ้างที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เราตั้งใจว่าจะใช้เป็นสถานที่ตั้งฟาร์มของเรา <br /><br />เมื่อเข้าใจเรื่องสายพันธุ์ที่น่าจะเลี้ยงแล้ว ก็ต้องหาข้อมูลเรื่องการตลาด ว่าตลาดที่เราต้องการนั้นอยู่ทีใด อยู่ในประเทศหรือนอกประเทศ ถ้าอยู่ในประเทศแล้วอยู่ส่วนไหนของประเทศ อย่าลืมว่ายุคนี้เป็นยุคทุนนิยมผ่านคอมพิวเตอร์ข้อมูลเดินทางได้เร็วมาก ใครมีข้อมูลดีย่อมได้เปรียบ และถ้าใครที่มีทุนหนาด้วยยิ่งน่ากิ่งเกรง ดังนั้นถ้าจะทำธุรกิจการเกษตรด้านแพะก็ต้องพร้อมด้วยข้อมูลด้านนี้เพื่อป้องกันความล้มเหลวในธุรกิจของเรา<br /><br />ข้อมูลด้านต่อไปที่ควรจะรู้ก็คือ อาหาร ทั้งอาหารหยาบและอาหารข้น เพราะถ้าเราจะเลี้ยงแพะเชิงธุรกิจแล้ว อาหารถือว่าเป็นหัวใจของการเลี้ยง อาหารดีมีคุณค่ามาก สร้างประโยชน์กับแพะในการแปลงหญ้าและอาหารเป็นนมและเนื้อได้ดี<br /><br />อีกเรื่องก็คือเรื่องโรค โรคแพะที่สำคัญ เป็นกันมาก และทำความเสียหายมาก หรือว่าโรคธรรมดาๆ แต่ว่าสามารถสร้างความเสียหายได้ถ้าหากว่าเราละเลย ศึกษาวิธีป้องกันและบำบัดอย่างถูกต้อง ให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และสภาพแวดล้อม<br /><br />ส่วนโรงเรือนก็ยึดหลักว่า ให้แพะอยู่สบายก็แล้วกัน คำว่าสบายๆ ทุกท่านคงจะเข้าใจดีกันอยู่แล้ว คุณหมอพรหล้า เคยพูดว่า อยู่ภาคอีสานแล้วสร้างโรงเรือนขวางตะวันอย่างนี้แพะก็ร้อนตาย แล้วแพะมันจะสบายๆ ได้อย่างไร อย่างนี้แพะก็เครียด ผลผลิตก็ลดลงด้วย ส่วนควรจะลงทุนเท่าไรนั้น ก็ตามกำลังทรัพย์ก็แล้วกัน<br /><br />และที่สำคัญและไม่รู้ไม่ได้ คือเรื่องการจัดการฟาร์ม บริหารจัดการอย่างไรให้มีต้นทุนที่ต่ำที่สุด มีคุณภาพที่สุด และไม่เป็นเหตุให้เกิดปัจจัยลบด้านต่างๆ ตามมาด้วย<br /><br />แพะพันธุ์ดี กินหญ้าดีอาหารดี อยู่สบายดี คนเลี้ยงจัดการดี เท่านี้ธุรกิจการเกษตรแพะก็ไปได้โลดแล้ว<br /><br />Credit: ปากกานาพายัพ, นิตยสารแพะเศรษฐกิจ, ปีที่1, ฉบับที่2, วันที่ 15 ต.ค. - 14 พ.ย. 49 บทบรรณาธิการ เรื่องแพะ<br /><span style="font-size:0;"><br /></span><br /><br /><br /></span><span style="font-size:0;"></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03006907711832605056noreply@blogger.com13